ผลของการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กรณีศึกษาต่อทักษะความคิดเชิงระบบของ นักศึกษาพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค ในรายวิชาฝึกปฏิบัติการพยาบาล มารดา ทารก และการผดุงครรภ์ 2
คำสำคัญ:
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้กรณีศึกษา, ทักษะความคิดเชิงระบบ, นักศึกษาพยาบาลบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กรณีศึกษา ต่อทักษะความคิดเชิงระบบของนักศึกษา กลุ่มตัวอย่างคือนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่ 4 ปี การศึกษา 2561 ที่ฝึกปฏิบัติในรายวิชาฝึกปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารก และการผดุงครรภ์ 2 (พบ. 485) ที่แผนกห้องคลอดและหลังคลอด จำนวน 58 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่ม ละ 29 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงตามคุณสมบัติที่กำหนด เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการ วิจัย คือ สถานการณ์กรณีศึกษาของแผนกห้องคลอดและหลังคลอด เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล และแบบทดสอบวัดความคิดเชิงระบบ ระยะเวลาเก็บข้อมูล 10 เดือนระหว่างเดือนกันยายน พ.ศ. 2561 ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ เชิงพรรณนา และสถิติค่าที ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมหลังได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กรณีศึกษา มีคะแนนเฉลี่ยความคิดเชิงระบบไม่มีความแตกต่างกัน (p <.05) แต่กลุ่มทดลองภายหลังการ สอนโดยใช้กรณีศึกษา พบว่า คะแนนเฉลี่ยความคิดเชิงระบบสูงกว่าก่อนการได้รับการสอนโดยใช้กรณีศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .001 สะท้อนว่าการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กรณีศึกษาช่วย ส่งเสริมและพัฒนาการคิดเชิงระบบให้นักศึกษาพยาบาล
เอกสารอ้างอิง
2. Sykes, G., and Bird, T. Teacher education and the case idea.Washington, DC: American Educational Research Association; 1992.
3. Barrows, H. S., and Tamblyn, R.M. Problem-Based Lerning. An Approach to Medical Education. New York: Springer publishing company; 1980.
4. Bransford, J.D., Brow A.L., and Cooking (Eds.) R.R. How People Learn: Brain, Mind, Experience, and School: Expanded Edition Washington, DC:National academy press. Teachers’ Challenges and Assessment Knowledge. Journal of Science Education and Technology. 1999; 21(2): 207-225.
5. Zohar, A., and Dori, Y. J. Higher Order Thinking Skills and Low Achieving Students: Are They Mutually Exclusive? Journal of the Learning Sciences. 2003; 12(1): 145-181.
6. Dori, Y. J., and Herscovitz, O. Teaching Thinking Skills in Context-Based Learning: Teachers’ Challenges and Assessment Knowledge. Journal of Science Education and Technology. 1999; 21(2): 207-225.
7. Herreid, C. F. Case Studies in Science–A Novel Method of Science Education. Journal of College Science Teaching. 1994; 23(4): 221–229.
8. Herreid, C.F. What Is a Case? Journal of College Science Teaching. 1997; 27(2): 92–94.
9. สุคนธ์ สินธพานนท์ และคณะ. การจัดกระบวนการเรียนรู้: เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์; 2545.
10. มกราพันธุ์ จูฑะรสก. การคิดอย่างเป็นระบบการประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน (ฉบับปรับปรุง) กรุงเทพฯ: โครงการสวัสดิการวิชาการ สถาบันพระบรมราชชนก; 2556.
11. เยาวลักษณ์ โพธิดารา. การจัดการศึกษาทางการพยาบาล: สำหรับนักศึกษา Generation Y. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. 2554; 34(2): 61-69.
12 Burns, N., and Grove. S.K. The practice of nursing research: Appraisal, synthesis and generation of evidence (6th ed). St. Louis, MO: Elsevier Saunders; 2009.
13. ทิศนา แขมมณี. ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 17). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2556.
14. สกลสุภา อภิชัจบุญโชค. การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกรณีศึกษาและความสามารถในการประเมินสภาพปัญหาการหายใจในหอผู้ป่วยวิกฤตทารกแรกเกิดของนักศึกษาพยาบาล.วชิรเวชสาร. 2558; 59(3): 25-34.
15. พชรมณฑ์ หมวดนุ่ม และสุเทพ อ่วมเจริญ. การพัฒนาความสามารถในการคิดเชิงระบบเพื่อเชื่อมโยงการเขียนโดยใช้เทคนิคผังกราฟิกของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย. 2557; 6(2): 195-207.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ
เนื้อหาและข้อคิดเห็นใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมพยาบาลฯ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น ผู้เขียนบทความต้องศึกษารายละเอียดหลักเกณฑ์การจัดทำต้นฉบับตามที่วารสารกำหนด และเนื้อหาส่วนภาษาอังกฤษต้องได้รับการตรวจสอบจากเจ้าของภาษามาแล้ว