Self-care Behaviors and Quality of Life of Persons Waiting for Kidney Transplantation at Chiangrai Prachanukroh Hospital
Keywords:
kidney transplantation, quality of life, Self-care behaviorsAbstract
This descriptive correlational research aimed to study the self-care behaviors and quality of life of persons waiting for kidney transplantation and to identify the correlation between demographic factors, self-care behaviors, and quality of life of persons waiting for kidney transplantation. Samples were 19 end stage renal disease patients who were considered as the kidney transplantation receivers at Chiangrai Prachanukroh Hospital. Research instruments composed of demographic characteristic questionnaire, self-care behaviors, and quality of life questionnaires with .90 of content validity and 0.78, 0.93 of reliability. Data were analyzed using descriptive statistics and Chi-square.
The results revealed that the overall self-care behaviors were at good level (mean = 4.10, SD = 9.28), the lowest score was self-care behaviors on medication management (mean = 3.36, SD = 1.70). The quality of life was at moderate level (mean = 88.57, SD = 11.79). Moreover, there was no significant correlation between personal variables including gender, age, occupations, education levels, marital status, income, and self-care behaviors and the quality of life.
Healthcare team of kidney transplantation clinic should provide sufficient knowledge on medication self-care behaviors for persons waiting for kidney transplantation. Nursing interventions enhancing self-care behaviors of persons waiting for kidney transplantation should be encouraged in order to improve patients’ quality of life.
References
อติพร อิงค์สาทิต. ความสำเร็จของการปลูกถ่ายไตในประเทศไทย. วารสารสมาคมโรคไตแห่ง ประเทศไทย. 2552; 2(15):97–101.
Murphy F. The role of the nurse in pre-renal transplantation. BJN. 2007; 16(10):582-587.
อรรถพงศ์ วงศ์วิวัฒน์. การดูแลโรคไตเรื้อรังในปัจจุบัน. ใน: ทวี ศิริวงศ์. (บรรณาธิการ) Update on CKD prevention: Strategies and practical points. กรุงเทพฯ: สร้างสื่อ; 2550. หน้า 54 – 51.
ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย. รายงานประจำปี 2558. วารสารศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย. 2558;35-28.
หน่วยไตเทียม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์. รายงานผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้รับการฟอกเลือด ด้วยเครื่องไตเทียม ปี 2558.
ปัญฑ์ชนิต จินดาธนสาร, กุสุมา คุววัฒนสัมฤทธิ์, วรรณภา ประไพพานิช. พฤติกรรมการดูแลตนเอง ของผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายไต. รามาธิบดีพยาบาลสาร. 2556; 19(1):87-101.
สุวัฒน์ มหัตนิรันดร์กุล, วิระวรรณ ตันติพิวัฒนสกุล, วนิดา พุ่มไพศาลชัย. เครื่องชี้วัดคุณภาพชีวิตของ องค์การอนามัยโลกชุดย่อ ฉบับภาษาไทย (WHOQOL – BREF – THAI). โรงพยาบาลสวนปรุง กรมสุขภาพจิต 2545. [สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2559]; สืบค้นจาก http://www.dmh.go.th/test/ whoqol
สุภาพร ปรัชญาประเสริฐ. พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง. เอกสารประกอบการ ประชุมวิชาการระดับจังหวัด: 10 มิถุนายน 2556: ณ ห้องประชุมสหกรณ์อ์ อมทรัพย์์สาธารณสุขจังหวัด ศรีสะเกษ; 2556.
สุภาพร องค์สุริยานนท์. การพัฒนาพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง โรงพยาบาล เจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารสาธารณสุขและการพัฒนา. 2551; 6(1):32-38.
รุ่งลาวัลย์ ยี่สุ่นแก้ว, สุรชาติ ณ หนองคาย, ชัยรัตน์ ฉายากุล, ดุสิต สุจิรารัตน์.คุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ไตวายเรื้อรังที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด กรณีศึกษาโรงพยาบาล เอกชนแห่งหนึ่ง.วชิรสารการพยาบาล. 2559;18(1):79-88.
สมพร ชิโนรส, ชุติมา ดีปัญญา. คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือด. วารสารเกื้อการุณย์. 2256; 20(1):5-14.
Oh SH, Yoo EK. Comparison of quality of life between kidney transplant and hemodialysis patients. Taehan Kanho Hakhoe Chi. 2006; 36(7):1145-53.
Heidarzadeh M, Atashpeikar S, Jalilazar T. Relationship between quality of life and self-care ability in patients receiving hemodialysis. Iran J Nurs Midwifery Res. 2010; 15(2):71–76.
Orem DE. Nursing: concepts of practice. 6thed. St. Louis: Mosby Year Book; 2001.
Joshi VD. Quality of life in end stage renal disease patients. World J Nephrol. 2014; 3(4):308–316.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ
เนื้อหาและข้อคิดเห็นใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมพยาบาลฯ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น ผู้เขียนบทความต้องศึกษารายละเอียดหลักเกณฑ์การจัดทำต้นฉบับตามที่วารสารกำหนด และเนื้อหาส่วนภาษาอังกฤษต้องได้รับการตรวจสอบจากเจ้าของภาษามาแล้ว