ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจกับสมรรถนะการพยาบาลเฉพาะทางด้านการพยาบาลชุมชน ของพยาบาลเวชปฏิบัติทั่วไป โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เขตบริการสุขภาพที่ 3
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย จูงใจ ปัจจัยค้ำจุนกับสมรรถนะการพยาบาลเฉพาะทางด้านการพยาบาลชุมชน กลุ่มตัวอย่างคือพยาบาล เวชปฏิบัติทั่วไปจำนวน 220 คน สุ่มตัวอย่างแบบง่ายจากรายชื่อพยาบาลเวชปฏิบัติทั่วไปที่ปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในเขตภาคเหนือตอนล่าง เขตบริการสุขภาพที่ 3 ใช้ทฤษฎี 2 ปัจจัยของ เฮอร์ซเบอร์กเป็นกรอบแนวคิดในการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ แบบสอบถามปัจจัยส่วนบุคคล แบบสอบถามด้านปัจจัยจูงใจและปัจจัยค้ำจุน และ แบบสอบถามการปฏิบัติงานตามสมรรถนะด้านการพยาบาลชุมชนของพยาบาลเวชปฏิบัติทั่วไป ผ่านการ ตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 5 ท่าน CVI มีค่าเท่ากับ 0.91 หาค่าความเชื่อมั่นของ เครื่องมือโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามปัจจัยจูงใจและปัจจัย ค้ำจุน และการปฏิบัติงานตามสมรรถนะการพยาบาลเฉพาะทางด้านการพยาบาลชุมชน เท่ากับ 0.88 และ 0.87 ตามลำดับ รวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ ได้รับแบบสอบถามคืนจำนวน 204 จาก 220 ชุด วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยจูงใจ ปัจจัยค้ำจุนในการปฏิบัติงาน ( = 3.84, SD = 0.67) และสมรรถนะ การพยาบาลเฉพาะทางด้านการพยาบาลชุมชน ( = 3.83, SD = 1.61) อยู่ในระดับสูง และปัจจัยจูงใจ และปัจจัยค้ำจุนโดยรวมมีความสัมพันธ์ทางบวก ในระดับปานกลางกับสมรรถนะการพยาบาลเฉพาะทางด้าน การพยาบาลชุมชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .574, p < 0.01) สรุป ปัจจัยจูงใจและปัจจัยค้ำจุนมีความสัมพันธ์ทางบวกกับสมรรถนะการพยาบาลเฉพาะทางด้านการ พยาบาลชุมชน ซึ่งสนับสนุนทฤษฎี 2 ปัจจัยของเฮอร์ซเบอร์ก
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ปฐมภูมิ. กรุงเทพฯ: สำนักงานพระพุทธศาสนา
แห่งชาติ.
ชูชัย ศุภวงศ์. (2552). คู่มือการให้บริการของโรงพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพตำบล. กรุงเทพฯ: องค์การ
สงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
ดาราพร รักหน้าที่. (2548). ปัจจัยด้านแรงจูงใจที่มี
อิทธิพลต่อสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพที่
ปฏิบัติงานในศูนย์สุขภาพชุมชนในเขต
สาธารณสุขที่ 7 (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาล
ศาสตรมหาบัณฑิต). ขอนแก่น: มหาวิทยาลัย
ขอนแก่น.
บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร. (2553). ระเบียบวิธีการวิจัย
ทางการพยาบาล. กรุงเทพฯ: ยูแอนไอ อินเตอร์
มีเดีย.
แพทริก ฟอร์ซิท. (2550). จูงใจแบบมืออาชีพ. (อุษา
ฤทธาภิรมย์, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: เนชั่นบุ๊คส์.
(ต้นฉบับภาษาอังกฤษ พิมพ์ ค.ศ. 2007)
โรงพยาบาลสว่างอารมณ์. (2558). เอกสารการนิเทศงาน.
ในการประชุมติดตามนิเทศงานประจำปี 2557.
อุทัยธานี: โรงพยาบาลสว่างอารมณ์.
โรเบิร์ต เอปสไตน์. (2550). เกม และกิจกรรมสร้างแรง
จูงใจทีมงาน. (ณัฐวรรธน์ กิจรัตนโกศล, ผู้แปล).
กรุงเทพฯ: ธรรกมลการพิมพ์. (ต้นฉบับภาษา
อังกฤษ พิมพ์ ค.ศ. 2007)
วิจิตร ศรีสุพรรณ. (2552). คู่มือการจัดทำหลักสูตรการ
พยาบาลเฉพาะทาง. นนทบุรี: สภาการพยาบาล.
วิจิตร ศรีสุพรรณ และกาญจนา จันทร์ไทย. (2556).
คู่มือปฏิบัติงานพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพตำบล. กรุงเทพฯ: จุดทอง.
ศิริญญ์ รุ่งหิรัญ. (2554). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสมรรถนะกา
รฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาล
ชุมชน จังหวัดปทุมธานี. วารสารวิชาการ
มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย, 54, 109-120.
สมใจ ลักษณะ. (2552). การพัฒนาประสิทธิภาพในการ
ทำงาน. กรุงเทพฯ: ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัย
ราชภัฏสวนสุนันทา.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน
ก.พ.). (2553). คูมื่อการกำหนดความรูค้ วามสามารถ
ทักษะ และสมรรถนะสำหรับตำแหน่ง. นนทบุรี:
ประชุมช่าง.
สำนักงานบริการสุขภาพ เขต 3. (2557). เอกสารตรวจ
ราชการ. ใน การประชุมการตรวจราชการ
ประจำปี 2557. นครสวรรค์: สำนักงานบริการ
สุขภาพ เขต 3.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุทัยธานี. (2558). เอกสาร
ตรวจราชการ รอบที่ 1. ใน การประชุมการตรวจ
ราชการ รอบที่ 1 ประจำปี 2558. อุทัยธานี:
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุทัยธานี.
Herzberg, F. (2003). One more time: How do you
motivate employees?. Motivation people, 2003,
3-11.