ผลของการพัฒนารูปแบบวิธีการจัดยาแบบ 7 วัน เพื่อสนับสนุนผู้ดูแลต่อความร่วมมือ ในการรับประทานยาของผู้ป่วยจิตเภทในโรงพยาบาลรามัน จังหวัดยะลา

ผู้แต่ง

  • ริฏา วัฒนศิริวณิชช์ กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลรามัน

คำสำคัญ:

ผู้ดูแล, ความร่วมมือการใช้ยา, ผู้ป่วยจิตเภท

บทคัดย่อ

บทนำ: โรคจิตเภทเป็นความผิดปกติทางความคิดที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาอย่างต่อเนื่อง การขาดศักยภาพของผู้ดูแลในการจัดการยาอาจส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ร่วมมือในการใช้ยาและเกิดการกำเริบของอาการ การศึกษานี้จึงมุ่งพัฒนารูปแบบการจัดยาแบบ 7 วัน เพื่อสนับสนุนผู้ดูแลในการเพิ่มความร่วมมือของผู้ป่วยจิตเภท

วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินรูปแบบการจัดยาแบบ 7 วันต่อความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยจิตเภท

วัสดุและวิธีการศึกษา: การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อน–หลัง (กุมภาพันธ์-เมษายน 2568) กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยจิตเภทที่มีความร่วมมือในการใช้ยาน้อยกว่า ร้อยละ 80 และมีผู้ดูแลที่มีศักยภาพไม่เพียงพอ จำนวน 76 ราย คัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ใช้รูปแบบการจัดยาแบบ 7 วัน ประเมินความร่วมมือในการใช้ยาด้วยการนับเม็ดยาคงเหลือและแบบประเมินความร่วมมือในการใช้ยาในผู้ป่วยจิตเภท MAST วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา การทดสอบวิลคอกซัน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบสเปียร์แมน

ผลการศึกษา: หลังจากการจัดยาแบบ 7 วันเพื่อสนับสนุนผู้ดูแลที่มีศักยภาพไม่พียงพอพบว่าผู้ป่วยมีความร่วมมือในการใช้ยาเพิ่มขึ้น 67 ราย (ร้อยละ 88.16) จากทั้งหมด 76 ราย ค่ามัธยฐาน (Median) ของร้อยละความร่วมมือในการใช้ยาจากการนับเม็ดยาเพิ่มจาก 35.0 เป็น 85.0 และจากแบบประเมิน MAST เพิ่มจาก 30.0 เป็น 38.0 เมื่อทดสอบความสัมพันธ์ก่อนและหลังการทดลองด้วย Wilcoxon Signed-Rank Test ความร่วมมือในการใช้ยาหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อวัดด้วยการนับเม็ดยาและใช้แบบประเมิน (W = 2926, p <0 .001) (W = 0.00, p < .001) ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการแทรกแซงมีผลต่อการเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยาในระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนผู้ดูแลมีทักษะการจัดยาเพิ่มขึ้น70 ราย (ร้อยละ 92.12) และมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วย   (p =0.4801, p<0.001)

สรุป: รูปแบบการจัดยาแบบ 7 วันช่วยให้ผู้ดูแลที่มีศักยภาพไม่เพียงพอเพิ่มความร่วมมือการใช้ยาของผู้ป่วยจิตเภทได้

เอกสารอ้างอิง

World Health Organization. Schizophrenia [Internet]. Geneva: WHO; 2022 Jan 10 [cited 2025 Oct 6]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/schizophrenia

Phanthunane P, Vos T, Whiteford H, Bertram M, Udomratn P. Schizophrenia in Thailand: prevalence and burden of disease. Popul Health Metr. 2010;8:24. doi:10.1186/1478-7954-8-24.

Higashi K, Medic G, Littlewood KJ, Diez T, Granström O, Hert MD. Medication adherence in schizophrenia: factors influencing adherence and consequences of nonadherence: a systematic literature review. Ther Adv Psychopharmacol. 2013;3(4):200–218.

Canas F, Alptekin K, Azorin JM, Dubois V, Emsley R, Garcia AG, et al. Improve treatment adherence in your patients with schizophrenia. Clin Drug Investig. 2013;33:97–107.

มนสิชา มาสิง. ความร่วมมือการใช้ยาในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. มหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร. 2561;1(2):118-29.

Velligan DI, Weiden PJ, Sajatovic M, Scott J, Carpenter D, Ross R, et al. Expert Consensus Panel on Adherence Problems in Serious and Persistent Mental Illness. The expert consensus guideline series: adherence problems in patients with serious and persistent mental illness. J Clin Psychiatry. 2009;70 Suppl 4:1-6

Acosta FJ, Hernández JL, Pereira J, Herrera J, Rodríguez CJ. Medication adherence in schizophrenia. World J Psychiatry. 2012;2(5):74–82.

สุมิสา กุมลา. ผลของโปรแกรมส่งเสริมความร่วมมือในการรับประทานยาในผู้ป่วยจิตเภท. วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต. 2563;34(2):132–52.

เบญญาภา พันตาคม. ประสิทธิผลของการใช้โปรแกรมการดูแลผู้ป่วยจิตเวชโดยใช้ครอบครัวเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการรักษาด้วยยาของผู้ที่เป็นโรคจิตเภทโรงพยาบาลวังเหนือ จังหวัดลำปาง[อินเทอร์เน็ต] [การค้นคว้าอิสระ ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต].เชียงใหม่:มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2554.

กุลยาณิชพงศ์ วงหนูพะเนาว์. ผลการให้คำปรึกษาครอบครัวต่อพฤติกรรมการรับประทานยาตามเกณฑ์การรักษาของผู้ป่วยจิตเภทที่ใช้แอลกอฮอล์ [อินเทอร์เน็ต] [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์; 2564.

Haynes RB, Taylor DW, Sackett DL, Gibson ES, Bernholz CD, Mukherjee J. Can simple clinical measurements detect patient noncompliance? Hypertension. 1980;2:757–64.

พัชรินทร์ อดิสรณกุล. ผลของโปรแกรมส่งเสริมความร่วมมือในการรับประทานยาสำหรับผู้ป่วยจิตเภท โดยญาติมีส่วนร่วมหอผู้ป่วยจิตเวช โรงพยาบาลกาฬสินธุ์. มหาราชนครธรรมราชเวชสาร. 2564;5(2):89–99.

รษิกา อัครกรณ์กุล. การทดสอบแบบวัดความร่วมมือในการใช้ยาสำหรับคนไทยในผู้ป่วยจิตเภท[อินเทอร์เน็ต]. [วิทยานิพนธ์ ปริญญาเภสัชศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเภสัชศาสตร์สังคมและการบริหาร].สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์; 2565.

กมลชนก จงวิไลเกษม, สงวน ลือเกียรติบัณฑิต, วรนุช แสงเจริญ. การพัฒนาแบบวัดความร่วมมือในการใช้ยาสำหรับคนไทย. วารสารเภสัชกรรมไทย. 2564;13(1):17–30.

อมรพรรณ ศุภจำรูญ, สงวน ลือเกียรติบัณฑิต, วรนุช แสงเจริญ. ความตรงและความเที่ยงของแบบวัดความร่วมมือในการใช้ยาสำหรับชาวไทย: การทดสอบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน. วารสารเภสัชกรรมไทย. 2561;10(2):607–19.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-30

รูปแบบการอ้างอิง

1.
วัฒนศิริวณิชช์ ร. ผลของการพัฒนารูปแบบวิธีการจัดยาแบบ 7 วัน เพื่อสนับสนุนผู้ดูแลต่อความร่วมมือ ในการรับประทานยาของผู้ป่วยจิตเภทในโรงพยาบาลรามัน จังหวัดยะลา. MNST Med J [อินเทอร์เน็ต]. 30 ธันวาคม 2025 [อ้างถึง 31 ธันวาคม 2025];9(2):30-43. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/MNSTMedJ/article/view/284993

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ