การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยการตรวจค้นหาไวรัส HPV ด้วยตนเองของสตรีกลุ่มเสี่ยง ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
คำสำคัญ:
การตรวจคัดกรองด้วยตนเอง, มะเร็งปากมดลูก, ไวรัสเอชพีวีบทคัดย่อ
บทนำ : การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยการค้นหาไวรัส HPV ด้วยตนเอง เป็นวิธีที่สะดวก มีความแม่นยำ และเข้าถึงการตรวจได้ง่าย
วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาและศึกษาประสิทธิผลโปรแกรมส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยการตรวจค้นหาไวรัส HPV ด้วยตนเองของสตรีกลุ่มเสี่ยง ตลอดจนเปรียบเทียบความพึงพอใจ ระหว่างโปรแกรมที่พัฒนาเชิงรุก กับโปรแกรมเชิงรับ
วัสดุและวิธีการศึกษา: เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยประชากรกลุ่มเสี่ยง จำนวน 80 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 40 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้โปรแกรมที่พัฒนา ประกอบด้วย 1) การประชาสัมพันธ์และนัดหมายมาตรวจค้นหาไวรัส HPV 2) อบรมให้ความรู้และสาธิตการตรวจคัดกรองแก่ อสม. 3) อสม.ดำเนินการให้ความรู้ และสาธิตการตรวจคัดกรอง 4) สตรีกลุ่มเสี่ยงเก็บสิ่งส่งตรวจ 5) ส่งสิ่งส่งตรวจ และแจ้งผลการตรวจและกลุ่มเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้โปรแกรมเชิงรับ 40 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา Chi-square test / Fisher’s exact test, Independent t-test และ Paired sample t-test
ผลการศึกษา : พบว่า สตรีกลุ่มเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกมีการรับรู้ภาวะเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก การรับรู้ความรุนแรงของโรคมะเร็งปากมดลูก การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก และทัศนคติต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเพิ่มมากขึ้น และมากกว่าโปรแกรมเชิงรับ อีกทั้งมีความพึงพอใจต่อโปรแกรมการส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่พัฒนา มากกว่าโปรแกรมเชิงรับ คะแนน 35.5 ในกลุ่มเชิงรุก และ 32.1 ในกลุ่มเชิงรับ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.01)
สรุป : โปรแกรมเชิงรุก ส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยการค้นหาไวรัส HPV ด้วยตนเอง จากการศึกษาพบว่าเพิ่มคะแนน การรับรู้ด้านต่างๆเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก ของประชากรที่ศึกษา และเพิ่มความพึงพอใจในการตรวจหลังเข้ารับโปรแกรม จึงควรนำโปรแกรมส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในการตรวจคัดกรองต่อไป
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Cervical cancer [Internet]. 2024 [cited 2025 May 14]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/cervical-cancer
อัมพร เบญจพลพิทักษ์. กรมการแพทย์เผยคนไทยป่วยมะเร็งรายใหม่ปีละ 1.4 แสนคน เสียชีวิต 8.3 หมื่นคน [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [สืบค้นเมื่อ 14 พ.ค. 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://www.hfocus.org/ content/2024/02/29679
ปิยวัฒน์ เลาวหุตานนท์, อาคม ชัยวีระวัฒนะ, วีรวุฒิ อิ่มสำราญ. แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก. กรุงเทพฯ: โฆสิตการพิมพ์จำกัด; 2561.
ศรีสุรัตน์ ชัยรัตนศักดา. ผลการใช้โปรแกรมการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกต่อความรู้ ทัศนคติ และความตั้งใจมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลพระนอน จังหวัดนครสวรรค์. สวรรค์ประชารักษ์เวชสาร. 2564;18(1):60-9.
PubMed Central. Cervical cancer in Thailand: 2023 update. Obstet Gynecol Sci. 2024;3:261–9 [Internet]. [cited 2025 May 14]. Available from: https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/ PMC11099091/
ชุลีรัตน์ สาระรัตน์, ศรัญญา ต.เทียนประเสริฐ. การพัฒนาโปรแกรมการให้ความรู้การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยการตรวจค้นหาไวรัส HPV ด้วยวิธีการเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตนเองของสตรีกลุ่มเสี่ยงในโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9. 2567;18(1):351–65.
ปฏิพิมพ์ อยู่คง. ผลของโปรแกรมการประยุกต์แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีอายุ 30-60 ปี ในเทศบาลนครพิษณุโลก [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [สืบค้นเมื่อ 20 ส.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://hpc2appcenter.anamai.moph.go.th/academic/web/ files/2566/research/MA2566-004-01-0000001026-0000001033.pdf
เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี. ความครอบคลุมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี. สุราษฎร์ธานี: เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี; 2567.
Stretcher V, Rosenstock IM. The Health Belief Model. In: Glanz K, Lewis FM, Rimer BK, editors. Health behavior and health education: theory, research and practice. San Francisco: Jossey-Bass; 1997.
Kemmis S, McTaggart R. The action research reader. Geelong, Victoria: Deakin University Press: John Wiley & Sons; 1988.
Cohen J. Statistical power analysis for the behavioral sciences. Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates; 1988.
Beckie T. A supportive-educative telephone program: impact on knowledge and anxiety after coronary artery bypass graft surgery. Heart Lung. 1989;18:46–55.
Pender N. Health promotion in nursing practice. 2nd ed. Norwalk: Appleton & Lange; 1996.
กรรณิกา ทานะขันธ์. การพัฒนารูปแบบการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA Test ตำบลเมืองเสือ อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [สืบค้นเมื่อ 27 ต.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก: http://app101.moph.go.th/academic/web/proceeding/Poster_Primary-21.pdf
ชนกพร ปี้บ้านท่า. ประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรี อายุ 30-60 ปี เขตรับผิดชอบโรงพยาบาลวิภาวดี. วิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ. 2565;5(2):101–14.
ธีระพงษ์ ฐิติธนากุล. การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยการตรวจค้นหาไวรัส HPV ด้วยตนเองของสตรีกลุ่มเสี่ยง. รายงานวิจัย. 2568.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ถือเป็นลิขสิทธิ์ของมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ก่อนเท่านั้น