การศึกษาการให้ความรู้และความดันลูกตาของผู้ป่วยโรคต้อหิน ในโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
คำสำคัญ:
ความรู้โรคต้อหิน, โรคต้อหิน, ความดันลูกตาบทคัดย่อ
บทนำ: ต้อหินเป็นสาเหตุอันดับสองของภาวะตาบอดทั่วโลกรองจากต้อกระจก การควบคุมความดันลูกตาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการชะลอโรค
วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบระดับความดันลูกตาก่อนและหลังการใช้แบบบันทึกการหยอดยาเปรียบเทียบความรู้โรคต้อหินก่อนและหลังการให้ความรู้วันที่ 1 และวันที่ 30 และศึกษาปริมาณการใช้ยาหยอดตา
วัสดุและวิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบ Quasi Experimental study แบบกลุ่มเดียว โดยมีอาสาสมัครโรคต้อหิน 50 ราย (99 ตา) ที่ใช้ยาหยอดตาควบคุมระดับความดันลูกตา ไม่รวมผู้ที่ผ่านการผ่าตัดหรือยิงเลเซอร์สำหรับต้อหิน
ผลการศึกษา: อาสาสมัครเป็นชายและหญิงร้อยละ 56 และ 44 ตามลำดับ มีอายุเฉลี่ย ± ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 69.82 ± 10.05 ปี และพบมีโรคประจำตัวร้อยละ 74 เป็นโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด ร้อยละ 56 พบระดับความดันลูกตาลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.0005) เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการใช้แบบบันทึกการหยอดยาจาก 17.49 ± 5.07 เป็น 15.00 ± 3.71 มิลลิเมตรปรอท โดยมีเพียงร้อยละ 4 (2 คน) ลืมหยอดยา 1 ครั้ง ผลของการให้ความรู้โรคต้อหินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.0005) โดยใช้แบบทดสอบ (10 ข้อ) ก่อนและหลังการให้ความรู้จาก 8.30 ± 1.27 เป็น 9.72 ± 0.83 และพบว่าอาสาสมัครร้อยละ 100 ใช้ยาหยอดตา 1 ขวดใน 1 เดือน
สรุป: จากการศึกษาการใช้แบบบันทึกการหยอดยา และการให้ความรู้โรคต้อหินสามารถควบคุมระดับความดันลูกตาได้ดีขึ้น
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ถือเป็นลิขสิทธิ์ของมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ก่อนเท่านั้น