ผื่นจากยาในผู้ป่วยติดเชื้อโมโนนิวคลิโอสิส
บทคัดย่อ
ยาปฏิชีวนะเป็นยาที่ใช้บ่อยในการรักษาโรคติดเชื้อในเด็ก ยาที่มีการสั่งใช้บ่อยคือยากลุ่ม Beta lactams(1) บ่อยครั้งเมื่อใช้ยาในกลุ่มนี้ พบอาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับผื่นผิวหนังได้บ่อยโดยเฉพาะในเด็ก(2) ซึ่งสร้างความกังวล ให้พ่อแม่หรือแพทย์ผู้ทำการรักษา และผู้ป่วยไม่สามารถใช้ยากลุ่มที่แพ้นั้นต่อได้ ขณะที่แพทย์เองในทางปฏิบัติไม่สามารถทำการตรวจทดสอบทางผิวหนังเพื่อยืนยันการเกิดผื่นแพ้ว่ามาจากยานั้นจริงหรือไม่กับเด็กทุกราย(3) ทำได้เพียงอาศัยอาการแสดง และผลตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ เช่น ผลตรวจเลือด มาประกอบการวินิจฉัย ทำให้มีอุบัติการณ์ผื่นจากยาในเด็กที่มากขึ้น โดยเฉพาะยาampicilin ซึ่งมีอุบัติการณ์เกิดผื่นในเด็กสูงถึงร้อยละ 80 -100(4,5,6) แต่ในความเป็นจริงผื่นที่เกิดจากยาในเด็กไม่ได้สูงมากตามที่รายงาน(7,8) สิ่งที่ช่วยในการวินิจฉัยผื่นนั้นต้องอาศัยการวินิจฉัยแยกโรคออกจากภาวะหรือโรคอื่นๆ ที่ส่งผลให้เกิดผื่นขึ้นได้ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคติดเชื้อที่เกิดขึ้นมากในเด็ก(9)โดยเฉพาะโรคติดเชื้อโมโนนิวคลิโอสิส (Infectious mononucleosis) มีข้อมูลอย่างชัดเจนถึงความสัมพันธ์ของผื่นที่เกิดขึ้นร่วมกับการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่ใช่ผื่นแพ้ยา(4-6,10,11) ซึ่งจะกล่าวต่อไปในบทความนี้
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ถือเป็นลิขสิทธิ์ของมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ก่อนเท่านั้น