การสอบสวนโรคหัดในโรงงานในภาคกลางของประเทศไทย มิถุนายน ถึง สิงหาคม พ.ศ. 2562
Main Article Content
บทคัดย่อ
องค์กรอนามัยโลกมีโครงการกำจัดโรคหัดซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีอาการสำคัญคือไข้ออกผื่นและสามารถป้องกันด้วยวัคซีน ในเดือนมิถุนายน 2562 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี กรมควบคุมโรค ได้รับแจ้งการระบาดไข้ออกผื่นในโรงงาน 2 แห่งใน 2 จังหวัดภาคกลางของประเทศไทย การสอบสวนโรคครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันการวินิจฉัย ยืนยันการระบาด ศึกษาลักษณะทางระบาดวิทยาและหามาตรการควบคุมและป้องกันโรค การระบาดของครั้งนี้พบระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2562 ผู้ป่วยทั้งสิ้น 154 คน คิดเป็นอัตราป่วยร้อยละ 1.52 อัตราป่วยเพศชายร้อยละ 1.43 เพศหญิงร้อยละ 1.62 ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นพนักงานโรงงานสัญชาติเมียนมาร์ร้อยละ 80.52 คิดเป็นอัตราป่วยร้อยละ 2.16 สัญชาติไทยร้อยละ 3.80 คิดเป็นอัตราป่วยร้อยละ 0.18 เป็นการระบาดของโรคหัดสายพันธุ์ Genotype D8 ซึ่งไม่ใช่สายพันธุ์ประจำถิ่นของประเทศไทย ผู้ป่วยรายแรกของทั้งสองโรงงานเดินทางเข้ามาทำงานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ซึ่งไม่ทราบประวัติการได้รับวัคซีนที่ประเทศต้นทางรวมถึงไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดและหัดเยอรมันก่อนเริ่มงานในประเทศไทย และเกิดการระบาดภายในโรงงานในเวลาต่อมา ผู้ป่วยรายแรกของทั้งสองโรงงานเดินทางมาจากรัฐเดียวกัน โรงงานทั้ง 2 แห่งเป็นโรงงานผลิตและส่งออกวัตถุดิบอาหาร ในส่วนมากผลิตเป็นห้องเย็นซึ่งต้องใส่ชุดป้องกันขณะทำงาน ประกอบด้วยเสื้อกราวน์ หมวกคลุมผม หน้ากากอนามัย ถุงมือ และรองเท้าบูท ได้ดำเนินการควบคุมโรคโดยการแยกกักผู้ป่วยและให้วัคซีน โรงงานที่จัดซื้อวัคซีนเพิ่มเองและให้ในรายที่อาจจะสัมผัสกับผู้ป่วยได้ครบทุกรายสามารถควบคุมโรคได้รวดเร็วกว่า ควรมีการกระตุ้นวัคซีนป้องกันโรคหัดกลุ่มวัยทำงานที่ไม่ทราบหรือไม่แน่ใจประวัติการได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดและหัดเยอรมันโดยเฉพาะในสถานที่ที่มีการรวมตัวกันของกลุ่มคนจำนวนมากเช่นโรงงาน การให้วัคซีนกระตุ้นในกรณีเกิดการระบาดควรให้ในทุกรายที่ไม่แน่ใจประวัติวัคซีนและมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Moss WJ, Griffin DE. Measles. Lancet. 2012;379(9811):153–64.
ปิยนิตย์ ธรรมาภรณ์พิลาศ, เลิศฤทธิ์ ลีลาธร. แนวทางการเฝ้าระวังควบคุม โรค การตรวจรักษา และส่งตัวอย่าง ตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อการกำจัด โรคหัดตามโครงการกำจัดโรคหัด ตามพันธะสัญญานานาชาติ พิมพ์ครั้งที่ 3.กรุงเทพมหานคร: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2559
Bester JC. Measles and measles vaccination: A review [Internet]. JAMA Pediatr; 2016 [cited 2022 Jul 5];170(12):1209–15. Available from: https://jamanetwork.com/journals/jamapediatrics/fullarticle/2555881
World Health Organization. Measles factsheet [Internet]; 2007 [cited 26 Nov 2020]. Available from: http://www.who.int/mediacentre/factsheets/ fs286/en/index.html
WHO. Worldwide measles deaths climb 50% from 2016 to 2019 claiming over 207 500 lives in 2019 [Internet]; 2020 [cited 20 Jul 2020]. Available from: https://www.who.int/news/item/12-11-2020-worldwide-measles-deaths-climb-50-from-2016-to-2019-claiming-over-207-500-lives-in-2019
กรมควบคุมโรค. สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรค ประจำ ปี 2562. Annual Epidemiological Surveillance Report 2019. 2019; 81-85. เข้าถึงได้จาก https://apps-doe.moph.go.th/boeeng/download/MIX_AESR_2562.pdf
Rota PA, Brown K, Mankertz A, Santibanez S, Shulga S, Muller CP, et al. Global distribution of measles genotypes and measles molecular epidemiology. J Infect Dis. 2011;204(SUPPL. 1):514–23.
Wongsanuphat S, Thitichai P, Jaiyong R, Plernprom P, Thintip K, Jitpeera C, et al. Investigation of measles outbreak among Thai and migrant workers in two factories in Nakhon Pathom, Thailand, 2019. Int J Environ Res Public Health. 2020;17(13):1–11.
Demicheli V, Rivetti A, Debalini M, Di Pietrantonj C. Vaccines for measles, mumps and rubella in children. Cochrane Database Syst Rev 2012; (2):CD004407.
Lievano F, Galea SA, Thornton M, Wiedmann RT, Manoff SB, Tran TN, et al. Measles, mumps, and rubella virus vaccine (M-M-RTMII): A review of 32 years of clinical and postmarketing experience. Vaccine. 2012 Nov 6;30(48):6918–26.