Tuberculosis Perceptions and Prevention Behavior among village health volunteer in Nong Saeng district, Saraburi province

Main Article Content

Chamnan Pradabpetch

Abstract

The purpose of this descriptive research was to determine tuberculosis (TB)perceptions and prevention behaviors among village health volunteers (VHVs) in Nongsaeng district, Saraburi province. The research population consisted of 160 people selected by using simple random sampling method. The questionnaire was used for data collection. The overall reliability coefficient of the whole questionnaire was found to be at 0.90. The statistics used in data analysis included frequency, percentage, mean, standard deviation, Chi-square test and Pearson’s product moment correlation coefficient. The results showed that 86.2% of them were female; the mean age was 57.5 years; 63.7% were married; 45.0% had primary education; 49.4% had agriculture occupation; 59.4% had insufficient income; 69.4% received information from public health workers; and the average duration of VHV working was 16.8 years. Most of the survey VHVs had high perceptions of TB including 78.1% for perceived risk of TB infection, 73.8% for severity of TB, 88.8% for benefits and barriers of TB prevention practice, and 93.8% for the incentive to prevent TB. About 84.4% of the VHVs had high TB prevention practice. Factors significantly (p<0.05) associated with TB prevention behavior of these VHVs were increases in age, duration of work, recognition of benefits and barriers to action against TB, and incentives for prevention of TB. The results of this research can be used to improve and develop effective tuberculosis prevention and control practice of VHVs.

Article Details

How to Cite
1.
Pradabpetch C. Tuberculosis Perceptions and Prevention Behavior among village health volunteer in Nong Saeng district, Saraburi province. JMPH4 [Internet]. 2021 Sep. 1 [cited 2024 Nov. 22];11(2):60-71. Available from: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JMPH4/article/view/251498
Section
Original Articles

References

1. สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการควบคุมวัณโรคประเทศไทย พ.ศ. 2561. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2561.

2. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี. รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562. สระบุรี: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี; 2563.

3. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือ อสม.ยุคใหม่ .พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2554.

4. บุญชม ศรีสะอาด. หลักการวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพ ฯ: สุวีริยาสาสน์; 2535.

5. ธีระพงษ์ จ่าพุลี. พฤติกรรมการป้องกันวัณโรคในผู้สัมผัสร่วมบ้านกับผู้ป่วยวัณโรคปอด อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ . (วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต). ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2553.

6. นิรัชรา จ้อยชู, วันเพ็ญ ภิญโญภาสกุล, วิชชุดา เจริญกิจการ. ความสัมพันธ์ระหว่างอายุ การรับรู้ประโยน์ของการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพ การรับรู้อุปสรรคของการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพกับการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน. รามาธิบดีพยาบาลสาร 2557; 20 :236-48.

7. ประเสริฐ บินตะคุ, ไพจิตร ศิริมงคล. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเฝ้าระวังและควบคุมโรคไข้หวัดนกของอาสาสมัครสาธารณสุข กิ่งอำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย. หนองคาย : สำนักงานสาธารณสุขกิ่งอำเภอรัตนวาปี; 2549.

8. พิเชษฐ์ ตื้อยศ. ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ เจตคติ กับพฤติกรรมป้องกันโรคของครอบครัวผู้ป่วยวัณโรคปอด อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่.(วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต). ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2553.

9. วรายุทธ วงศ์บา. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยวัณโรค จังหวัดอำนาจเจริญ (วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต).อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี; 2552.

10. ชาญเดช วีรกุล. ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานกับขวัญในการปฏิบัติงานของบุคลากรสังกัดสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 5 จังหวัดอุบลราชธานี.(วิทยานิพนธ์บริหารธรุกิจมหาบัณฑิต). อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี; 2552.