ผลการประเมินค่ายลูกเสือปลอดโรค จังหวัดสระบุรี ปีงบประมาณ 2563
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้เป็นการศึกษาภาคตัดขวาง (Cross-sectional study) มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานค่ายลูกเสือในจังหวัดสระบุรี ที่เอื้อต่อการป้องกันควบคุมโรคในปี 2563 และให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้แบบประเมินมาตรฐานค่ายลูกเสือปลอดโรคที่ผู้วิจัยและผู้มีส่วนได้เสียร่วมกันสร้างขึ้น ดำเนินการประเมินค่ายลูกเสือทุกแห่งที่มีสถานที่ตั้งอยู่ในอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จำนวน 7 แห่ง ผลการศึกษาพบว่าค่ายลูกเสือทั้ง 7 แห่ง ผ่านการประเมินระดับดีมาก 6 แห่ง และระดับดี 1 แห่ง โดยมีข้อค้นพบ/ข้อเสนอแนะ 9 ประเด็น ดังนี้ 1) อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นไม่พร้อมใช้ (ไม่มีปรอทวัดไข้ ชุดทำแผลหมดอายุ) ข้อเสนอแนะควรพัฒนาระบบตรวจสอบเวชภัณฑ์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ 2) มีการระบายน้ำเสียสู่แหล่งน้ำ ข้อเสนอแนะน้ำเสียจากการปรุง/ประกอบอาหารควรมีตะแกรงดักเศษอาหารและผ่านบ่อดักไขมันทุกจุดที่มีการล้างภาชนะ 3) ที่รองรับขยะเสี่ยงต่อการรั่วไหล ข้อเสนอแนะจุดทิ้งขยะควรมีภาชนะที่แข็งแรงและมีฝาปิดสำหรับรองรับขยะ 4) ผู้สัมผัสอาหารบางแห่งไม่ได้รับการตรวจสุขภาพ ข้อเสนอแนะควรตรวจสุขภาพของผู้สัมผัสอาหารอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 5) การจัดเก็บภาชนะไม่ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลอาหาร ข้อเสนอแนะควรเก็บอุปกรณ์ช้อนส้อมให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลอาหารและล้างทำความสะอาดภาชนะที่บรรจุสม่ำเสมอ 6) ขนมที่ขายในค่ายไม่มีวันผลิตหรือวันหมดอายุ ข้อเสนอแนะควรตรวจสอบคุณภาพอาหาร วันหมดอายุ ก่อนนำมาวางขาย 7) ถังดับเพลิงบางแห่งเสื่อมคุณภาพ จัดเก็บไว้ในสถานที่ไกลจากจุดเสี่ยง ข้อเสนอแนะควรจัดเตรียมถังดับเพลิงให้พร้อมใช้และจัดเก็บใกล้จุดเสี่ยง หมั่นตรวจสอบคุณภาพถังดับเพลิงสม่ำเสมอและส่งบรรจุสารเคมี/ความดันถังตามรอบ และมีการซ้อมแผนอัคคีภัย 8) ห้องน้ำบางแห่งไม่มีสบู่สำหรับล้างมือ ข้อเสนอแนะควรจัดหาสบู่ล้างมือไว้ประจำห้องน้ำห้องส้วมเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก และ 9) เลี้ยงสุนัขและแมว แบบปล่อยไว้ในค่าย และมีสุนัขจรจัดเข้ามาในค่าย ข้อเสนอแนะควรควบคุมสุนัข แมว ไม่ให้เข้ามาในบริเวณสถานที่ปรุง/ประกอบและรับประทานอาหาร พร้อมทั้งจัดทำทะเบียนสุนัข แมว รวมถึงดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี ซึ่งข้อค้นพบของการประเมินในครั้งนี้ล้วนเป็นประเด็นที่สำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาปรับปรุงแก้ไข ให้ค่ายลูกเสือแต่ละแห่งมีศักยภาพและมาตรฐานเท่าเทียมกัน โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนการดำเนินงาน หน่วยงานวิชาการร่วมส่งเสริมองค์ความรู้และปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นต่อไป เพื่อเป็นค่ายลูกเสือปลอดโรคที่พร้อมสำหรับรองรับนักเรียน นักศึกษา ที่มาเข้าค่ายตลอดทั้งปี
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
2. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี. สรุปประชุมราชการถอดบทเรียนและปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อทางอาหารและน้ำในค่ายลูกเสือจังหวัดสระบุรีและจังหวัดนครราชสีมา. สระบุรี; 2562.
3. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี. (ร่าง) แนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ และโรคไข้หวัดใหญ่ สำหรับค่ายลูกเสือ จังหวัดสระบุรีและจังหวัดนครราชสีมา. พิมพ์ครั้งที่ 1. สระบุรี: ม.ป.ท.; 2562.
4. สมเจตน์ ทองดา, จิราภรณ์ หลาบคา, ลักษณีย์ บุญขาว. การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในพื้นที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 อุบลราชธานี.วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.2558;17(1): 37-49.
5. รพีพรรณ ยงยอด, รัตนี คำมูลคร. การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนในเขตพื้นที่การประถมศึกษาสกลนคร เขต 1.วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา.2561;13(1): 56-68.
6. กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรค ประจำปี 2561 [ไฟล์ข้อมูล PDF]. เข้าถึงเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2563. เข้าถึงได้จาก: https://apps.doe.moph.go.th/boeeng/download/AW_Annual_Mix%206212_14_r1.pdf.
7. เกษร แถวโนนงิ้ว, พรชนก รัตนดิลก ณ ภูเก็ต, พงษ์ศักดิ์ ภูกาบขาว. รูปแบบการป้องกันโรคอาหารเป็นพิษในโรงเรียนประถมศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนปี พ.ศ.2558.วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น.2559;23(3): 108-18.
8. โชคชัย หมั่นถนอม, จีราภรณ์ สังข์ผุด, ฉัตรชัย สังข์ผุด, นุชวรา องศารา. การเฝ้าระวังทางสุขาภิบาลอาหารของร้านอาหารมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช 2555;31(2): 1-11.