ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการเงินการบัญชี ของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์

ผู้แต่ง

  • นงเยาว์ ปานพิม สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์

คำสำคัญ:

ประสิทธิภาพ, การบริหารด้านการเงินการบัญชี, ปัจจัยการบริหาร

บทคัดย่อ

การศึกษาเชิงสำรวจ(Survey research) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการเงินการบัญชี และศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการเงินการบัญชี ของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ กลุ่มตัวอย่าง คือ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 139 คน จากวิธีการสุ่มอย่างแบบแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage sampling)เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 1-30 ธันวาคม 2564 ด้วยแบบสอบถามทดสอบค่าความเชื่อมั่น 0.97 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติถดถอยเชิงเส้นพหุแบบขั้นตอน (Stepwise multiple linear regression analysis) ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายร้อยละ 46 เป็นเพศหญิงร้อยละ 54 ส่วนใหญ่อายุระหว่าง 36–45 ปี ร้อยละ 32.4อายุเฉลี่ย 39.35 ปีมีการศึกษาระดับปริญญาตรี/เทียบเท่า ร้อยละ 61.2 ตำแหน่งงานเป็นข้าราชการ ร้อยละ 59 ส่วนใหญ่รายได้ต่อเดือนอยู่ระหว่าง 20,001–35,000บาท ร้อยละ 46.8 และมีการปฏิบัติงานมากกว่า 5 ปี ร้อยละ 64 ระดับประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการเงินการบัญชีอยู่ในระดับสูง (=34.62,S.D.=5.68) มีปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการเงินการบัญชี ของเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ ทั้งหมด 3 ปัจจัย ได้แก่ ด้านบุคลากร (p-value <0.001) ด้านค่านิยมร่วม (p-value <0.001) และด้านทักษะ (p-value = 0.017) โดยสามารถร่วมกันส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการเงินการบัญชี ของเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ได้ร้อยละ 80.6 (Adjusted R2 = 0.81) ผู้กำหนดนโยบายจึงควรนำผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ใช้ไปเป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาประสิทธิภาพด้านการเงินการบัญชีของหน่วยงานต่อไป

เอกสารอ้างอิง

ทิพย์ประภา สีชาเหง้า, รัชดา ภักดียิ่ง.ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานด้านบัญชีด้วย ระบบ GFMIS ของหน่วยงานศาลในสังกัดสำนักศาลยุติธรรมประจำภาค 4. วารสารวิชาการและ วิจัยมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2563; 10(1): 88-98.

Peter, Thomas J & Water, Robert H. In search of excellence: Lessons from

America’s best-run companies. NEW YORK: Harper & Row; 1982.

Daniel WW. Biostatistics: Basic concepts and methodology for the health sciences. 9th ed. New York: Wiley & Sons; 2010.

เสาวนารถ เล็กเลอสินธุ์. การบริหารจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภาคกลาง. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธนบุรี 2562; 13(3): 41-51.

Likert R. The method of constructing and attitude scale. In: Fishbein M, editor. Readings in attitude theory and measurement. New York: Wiley & Sons; 1967. P. 90-5.

Best JW, Kahn JV. Research in education. New Jersey: Printice Hall, 1997.

วาสนา จังพานิช. ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการบริหารการเงินการคลังของโรงพยาบาล. วารสารหัวหินสุขใจไกลกังวล. 2561; 3(1): 97-111.

กัลยา วานิชย์บัญชา, ฐิตา วานิชย์บัญชา. การใช้ SPSS for Windows ในการวิเคราะห์ข้อมูล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สามลดา: 2558.

Hinkle, D.E, William ,W. and Stephen G. J. Applied Statistics for the Behavior Sciences.4th

ed. New York : Houghton Mifflin. 1998.

ดวงเดือน เภตรา, นภัสษร ผลาเลิศ, จุรีวัลย์ ภักดีวุฒิ, บุชศรา นันโท. การศึกษาประสิทธิภาพการบริหารการเงินและบัญชีฝ่ายการเงิน กองนโยบายและแผนมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด 2561; 12(1): 129-140.

วารุณี ขำสวัสดิ์, สิทธิเดช สิริสุขะ. ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการงานคลังของ องค์การบริหารส่วนตำบลในเขตจังหวัดเพชรบุรี. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ Veridian, มหาวิทยาลัยศิลปากร (มนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์และศิลปะ). 2558 Apr 30;8(1):565-81.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

25-07-2022

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ปานพิม น. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการเงินการบัญชี ของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์. JDPC3 [อินเทอร์เน็ต]. 25 กรกฎาคม 2022 [อ้างถึง 16 ธันวาคม 2025];16(2):15-26. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JDPC3/article/view/254509

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย