ปัจจัยที่มีผลต่อความกังวลและทัศนคติในการตีตราและเลือกปฏิบัติของผู้ให้บริการ ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ในสถานบริการสุขภาพจังหวัดนครสวรรค์

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อศึกษาความกังวลและทัศนคติในการตีตราและเลือกปฏิบัติของผู้ให้บริการผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ในสถานบริการสุขภาพจังหวัดนครสวรรค์ และเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความกังวลและทัศนคติในการตีตราและเลือกปฏิบัติของผู้ให้บริการผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ในสถานบริการสุขภาพจังหวัดนครสวรรค์ รูปแบบการศึกษาเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ แบบตัดขวาง (Cross-sectional survey) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม ประชากรที่ศึกษา คือ ผู้ปฏิบัติงานในสถานบริการสุขภาพจังหวัดนครสวรรค์ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) ด้วยวิธีการจับฉลากรายชื่อจากโรงพยาบาล เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 1-30 กันยายน 2562 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ปัจจัยด้วยการถดถอยพหุคูณ (Multiple Linear Regression) ผลการศึกษาพบว่า ความกังวลและทัศนคติในการตีตราและเลือกปฏิบัติของผู้ให้บริการผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ในสถานบริการสุขภาพจังหวัดนครสวรรค์ ในภาพรวมและทุกด้าน อยู่ในระดับปานกลาง และความกังวล ด้านการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ด้านสิ่งแวดล้อมในสถานบริการสุขภาพ และด้านนโยบายของหน่วยงาน มีผลต่อทัศนคติในการตีตราและเลือกปฏิบัติของผู้ให้บริการผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ในสถานบริการสุขภาพจังหวัดนครสวรรค์ โดยตัวแปรอิสระทั้ง 3 ตัวแปร ร่วมกันพยากรณ์ได้ร้อยละ 63.0 ดังนั้น ผู้บริหารควรจัดให้มีการอบรมเรื่องลดการตีตราให้กับผู้ให้บริการที่ปฏิบัติงานใหม่ทุกคน และพัฒนาหลักสูตรเพิ่มเติมในประเด็นความกังวล และทัศนคติ ที่มีต่อผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ และผู้ป่วยเอดส์ ผ่านระบบออนไลน์ รวมทั้ง ติดตามประเมินผลทุกปี