ความรู้ ความพึงพอใจต่อการสื่อสารความเสี่ยง และพฤติกรรมสุขภาพเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาชน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
คำสำคัญ:
ความรู้, ความพึงพอใจต่อการสื่อสารความเสี่ยง, พฤติกรรมสุขภาพบทคัดย่อ
การวิจัยนี้ ศึกษาความรู้ ความพึงพอใจต่อการสื่อสารความเสี่ยง และพฤติกรรมสุขภาพเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ความพึงพอใจต่อการสื่อสารความเสี่ยง และพฤติกรรมสุขภาพเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาชน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี สุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน ดำเนินการเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2560 โดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมาเอง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ แจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 61.3 มีอายุ 15-19 ปี ร้อยละ 67.3 อายุต่ำสุด 12 ปี อายุสูงสุด 59 ปี การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ร้อยละ 70.8 อาชีพนักเรียน หรือนักศึกษา ร้อยละ 68.0 มีความรู้อยู่ในระดับสูง ร้อยละ 88.5 รองลงมาอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 10.0 และในระดับต่ำ ร้อยละ 1.5 มีความพึงพอใจต่อการสื่อสารความเสี่ยงอยู่ในระดับมาก ร้อยละ 94.8 รองลงมาอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 5.0 และระดับน้อย ร้อยละ 0.3 มีพฤติกรรมสุขภาพเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในระดับเหมาะสมมาก ร้อยละ 87.3 รองลงมาอยู่ในระดับเหมาะสมปานกลาง ร้อยละ 9.3 และอยู่ในระดับเหมาะสมน้อย ร้อยละ 3.4 พบว่า ความรู้มีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจต่อการสื่อสารความเสี่ยง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ P < 0.05 ความรู้มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ P < 0.05 และความพึงพอใจต่อการสื่อสารความเสี่ยงมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ P < 0.01
จากผลการวิจัยดังกล่าว หน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ควรส่งเสริมความรู้ และการสื่อสารความเสี่ยงเกี่ยวกับโทษพิษภัยจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อนำไปสู่พฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง เหมาะสม
เอกสารอ้างอิง
2. สุรศักดิ์ ไชยสงค์. รายงานสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายจังหวัด พ.ศ. 2555 ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: บริษัทเดอะกราฟิโก ซิสเต็มส์ จำกัด; 2556.
3. สำนักงานสาธารณสุขอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี, 2558. รายงานสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์. เอกสารเย็บเล่ม.
4. Yamane, Taro. 1973. Statistic: An Introductory Analysis 3rd New York: Harper & Row.
5. สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ, 2560. ระดับความสำเร็จในการสื่อสารความเสี่ยงเพื่อให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง เหมาะสม ในการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ. เอกสารเย็บเล่ม.
6. พรทิพย์ วรกิจโภคาธร. “ความสำคัญของผู้รับสาร.” ใน เอกสารการสอนชุดวิชาหลักและทฤษฎีการสื่อสาร. หน่วยที่ 6. นนทบุรี: มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช, 2546.
7. ชลธิชา อรุณพงษ์ พฤติกรรมการป้องกันการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของรักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัดอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี; 2552.
8. สมพิศ สุขวิฑูรย์. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมในการป้องกันการติดยาเสพติดของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ, 2540.
9. Zimbardo, and Leippe, M. The Psychology of Attitude Change and Social Influence. New York: McGraw-Hill, 1991.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
|
บทความที่เผยแพร่ในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน |
นโยบายความเป็นส่วนตัว
|
ชื่อและที่อยู่ อีเมล์ ที่ระบุในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ จะใช้เพื่อระบุตามวัตถุประสงค์ของวารสารเท่านั้น และจะไม่นำไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น หรือต่อบุคคลอื่น |


