ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น ในช่วงระบาดของโควิด 19

ผู้แต่ง

  • พัชราวรรณ เครื่องแก้ว คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • ชณิตา ประดิษฐ์สถาพร คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

คำสำคัญ:

พฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศลัมพันธ์, วัยรุ่น PRECEED framework

บทคัดย่อ

การวิจัยแบบตัดขวางวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันโรค ปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อและปัจจัยเสริมและปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นในช่วงระบาดของโควิด 19 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 จังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย จำนวน 428 คนได้จากการสุ่มหลายขั้นตอน เครื่องมือวิจัย 1. แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2. แบบสอบถามปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อและ ปัจจัยเสริมและ 3. แบบสอบถามพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยผ่านการตรวจสอบเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ทดสอบความเชื่อมั่นของแบบสอบถามใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาคได้ค่าพฤติกรรมการป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์เท่ากับ 80 ค่าความรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตวิถีใหม่มีเพศสัมพันธ์ เท่ากับ .72 ค่าทัศนคติต่อการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เท่ากับ .76 ค่าการบริโภคสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเท่ากับ 80 ค่าการเข้าถึงบริการสุขภาพทางเพศเท่ากับ 87 ค่าสัมพันธภาพในครอบครัวเท่ากับ 86 ค่าพฤติกรรมการเลี้ยงดูเท่ากับ 74และวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์ถดถอยเชิงเส้นพหุคูณแบบนำตัวแปรเข้าทั้งหมดผลวิจัยพบว่า พฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในช่วงระบาดของโควิด 19 อยู่ในระดับปานกลางการเข้าถึงบริการสุขภาพทางเพศและสัมพันธภาพในครอบครัวทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ร้อยละ 78.4 ข้อเสนอแนะพยาบาลควรนำไปพัฒนาโปรแกรมแบบจำลองการวางแผนสุขภาพเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในนักเรียนมัธยมศึกษาต่อไป

เอกสารอ้างอิง

กรกฎ ดวงผาสุข. (2563). การศึกษาการเข้าถึงและพฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัยและสารหล่อลิ่นในช่วง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1361420221221025749.pdf

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2566).รายงานประจำปี กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พ.ศ. 2566. สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1581420240716070113.pdf

จันทรรัตน์ พงษ์พียะ, อรยา รสจันทร์, และเสาวนีย์ทองนพคุณ. (2565). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางเพศโนสถานการณ์การแพร่ระบาด โรคติดเชื้อไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด 19) ของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จังหวัดชลบุรี. วารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 5(1), 11-21.

เจตพล แสงกล้า, และสาลินี จันทร์เจริญ. (2562). ระดับสัมพันธภาพและการสื่อสารพูดคุยภายในครอบครัวกับการให้ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและการตั้งครรภ์เมื่อพร้อมของครอบครัวที่มีลูกวัยรุ่น. วารสารดุษฎิบัณฑิตทางสังคมศาสตร์, 9(1), 153-168.

ชัยนันท์ เหมือนเพีชร์, เสาวนีย์ ทองนพคุณ, และนิภามหารัชพงศ์. (2563). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลสุขภาพทางเพศของวัยรุ่นชาย ในสถาบัน อุดมศึกษภคตะวันออกของประเทศไทย. วารสารควบคุมโรค, 46(3), 336-346.

ณิชาภัทร ปุ่นมีกิจ, ชนัญชิดาดุษฎี ทูลคิริ, และพรนภาหอมสินธุ์. (2563). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นเมืองพัทยา. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 34(1), 13-29.

ธรรมศักดิ์ สายแก้ว, และสุทธิศักดิ์ สุริรักษ์. (2565). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมเสียง ต่อการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นในเขตอำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม. วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน, 4(2), 1-11.

นฤมล บุษมงคล. (2565). ระบาดวิทยาเชิงพรรณนาและแนวโน้มการติดเชื้อซิฟิลิส ในกลุ่มเยาวจนของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2562 - พ.ศ. 2564. ขอนแก่น: สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น.

ปัญญ์กรินทร์ หอยรัตน์, และปราโมทย์ วงศ์สวัสดิ์ (2560). วัยรุ่นไทยกับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี, 28(2), 173-182.

พงษ์ศักดิ์ ป้านดี, ปรีย์กมล รัชนกุล, และวนลดา ทองใบ. (2566). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มเยาวชนชายรักขายในสถาบันอุดมศึกษา. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี, 6(3), 59-74.

รังสรรค์ โฉมยา, และกรรณิกา พันธ์ศรี. (2563). ความตระหนักเกี่ยวกับพฤติกรรมการป้องกันการ ติดต่อโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด 19): การเปรียบเทียบระหว่างวัย. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 36(6), 71-82.

วนิดา ภูพันหงษ์, กฤษณา วุฒิสินธ์, และธวัชวงศ์ชัย ไตรทิพย์. (2559). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารวิชาการแพรวากาพลินธุ์ มหาวิทยาลัยภาพสินธุ์, 3(2), 54-72.

วิลาวัณย์ ชมนิรัตน์, เปรื่องจิตร มารรัศมี, นพนันท์ ชัยภูมิ,และอรุณณี ใจเที่ยง. (2562). บริการสุขภาพและการเข้าถึงบริการสุขภาพของวัยรุ่น ในเขต พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 37(3), 240-248.

วิเชียร เกตุสิงห์. (2538). ค่าเฉลี่ยและการแปลความหมาย. ข่าวสารวิจัยทางการศึกษา, 18(3), 8-11.

วันเพ็ญ รักษ์ปวงชน, ณัฐธยาน์ วิสารพันธ์, นุบรีย์ แสงสว่าง บุศรา แสงสว่าง, ศิรินทร์ทิพย์ บุญด้วยลาน,ภารดี บุญเพิ่ม, ชฎาภรณ์ วัฒนวิไล, และบุศรินทร์เล็กบำรุง. (2566). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเห็นคุณค่าในตนเองของวัยรุ่นในช่วงการระบาดของโควิด 19. พยาบาลสารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 50(1), 314-328.

ศริญญา เจริญศิริ, ขนัญชิดาดุษฎี ทูลศิริ, และยุวดี ลีลัคนาวีระ. (2562). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในนักศึกษาชายของการศึกษานอกระบบโรงเรียน. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี, 30(2), 14-25.

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19. (2564). สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. สืบค้นจาก https://media.thaigov.go.th/uploads/public_img/source/311264.pdf

อรรถพล ภูอาษา. (2564). ความชุกและปัจจัยที่มีความ สัมพันธ์กับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศและการใช้สารเสพติดของวัยรุ่น อำเภอจอมพระ จังหวัด สุรินทร์. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ชอนแก่น, 28(3), 1-11.

อารยา เชียงของ, ปราลีณา ทองศร, และชะไมพร ธรรมวาสี. (2561). รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมป้องกันความเสี่ยงทาง เพศของวัยรุ่นหญิงในเขตกรุงเทพมหานคร : การวิจัยแบบผสานวิธี. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 32(2), 1-21.

อุไรวรรณ นิลเต่า, ชนัญญา จิระพรกุล, และเนาวรัตน์ มณีนิล. (2564). พฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัยของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน, 7(1), 47-59.

ฮูดา แวหะยี. (2563). การรับรู้ความรุนแรงและพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด 19) ของวัยรุ่นในเขตตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน, 6(4), 158-168.

Green, L.W., Gielen, A.C., Ottoson, J.M., Peterson, D.V. & Kreuter, M.K. (2022). Health Program Planning, Implementation, and Evaluation. Crating Behavioral, Environment and Policy change. USA.: Johns Hopkins University Press.

Kadam, P., & Bhalerao, S. (2010). Sample size calculation. International journal of Ayurveda research, 1(1), 55-57. doi: 10.4103/0974-7788.59946

Kertesz, D. A. (2020, April 24). Life with Covid-19: A new norm. Bangkok Post. Retrieved from https://www.bangkokpost.com/opinion/opinion/1906490/life-with-covid-19-a-newnorm

Oosterhoff, B., & Palmer, C. A. (2020). Attitudes and psychological factors associated with news monitoring, social distancing, disinfecting, and hoarding behaviors among US adolescents during the coronavirus disease 2019 pandemic. JAMA pediatrics, 174(12), 1184-1190. doi: 10.1001/jamapediatrics.2020.1876

Qiu, J., Shen, B., Zhao, M., Wang, Z., Xie, B., & Xu, Y. (2020). A nationwide survey of psychological distress among Chinese people in the COVID-19 epidemic: implications and policy recommendations. General psychiatry, 33(2), e100213. doi: 10.1136/gpsych-2020-100213

Sawyer, S. M., Azzopardi, P. S., Wickremarathne, D., & Patton, G. C. (2018). The age of adolescence. The lancet child & adolescent health, 2(3), 223-228.

Shroff, A., Shroff, A., Fassler, J., Fox, K. R., & Schleider, J. L. (2024). The impact of COVID-19 on US adolescents: Loss of basic needs and engagement in health risk behaviors. Current Psychology, 43(13), 12023-12033. doi: 10.1007/s12144-021-02411-1

Vismara, L., Lucarelli, L., & Sechi, C. (2022). Attachment style and mental health during the later stages of COVID-19 pandemic: the mediation role of loneliness and COVID-19 anxiety. BMC psychology, 10(1), 62-70. doi: 10.1186/s40359-022-00767-y

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-29

รูปแบบการอ้างอิง

เครื่องแก้ว พ., & ประดิษฐ์สถาพร ช. (2025). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น ในช่วงระบาดของโควิด 19. วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ, 11(1), 181–192. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/slc/article/view/276359

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย