ผลของโปรแกรมที่บูรณาการการรับรู้สมรรถนะตนเองและการเสริมพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพและระดับน้ำตาลในเลือด ของสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์

ผู้แต่ง

  • มาลีวัล เลิศสาครศิริ คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์
  • พงษ์ลดา วัชรสินธุ โรงพยาบาลราชวิถี

คำสำคัญ:

โปรแกรมที่บูรณาการการรับรู้สมรรถนะตนเองและการเสริมพลังอำนาจ, พฤติกรรมการดูแลสุขภาพน้ำตาลในเลือด, สตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองลักษณะ 2 กลุ่ม โดยทดสอบก่อนและหลังการทดลอง ในการศึกษาผลของโปรแกรมบูรณาการการรับรู้สมรรถนะตนเองและการเสริมพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพและระดับน้ำตาลในเลือดของสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ กลุ่มตัวอย่าง คือ สตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดเอวัน แผนกฝากครรภ์ โรงพยาบาลราชวิถี จำนวน 60 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 30 ราย โดยเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ และแบบสอบถามประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคล การรับรู้สมรรถนะของตนเอง และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ มีการตรวจความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ได้ค่าดัชนีความตรงเท่ากับ .80 และค่าความเที่ยงเท่ากับ .79, .78 และ .89  ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าร้อยละ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  และความแตกต่างของค่าเฉลี่ยจากสถิติทดสอบที ทั้งนี้ผลการวิจัย พบว่า ภายหลังการทดลองสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดเอวัน ที่ใช้โปรแกรมบูรณาการการรับรู้สมรรถนะตนเองและการเสริมพลังอำนาจ มีความรู้ การรับรู้สมรรถนะของตนเองและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพสูงกว่ากลุ่มควบคุมที่ได้รับการดูแลตามปกติที่นัยสำคัญทางสถิติระดับ .05 และ.001 สำหรับระดับน้ำตาลในเลือดครั้งที่ 3 กลุ่มทดลองทั้ง FBS และภายหลังรับประทานอาหาร 1 ชั่วโมงต่ำกว่ากลุ่มควบคุมที่นัยสำคัญทางสถิติระดับ .05 ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการใช้โปรแกรมบูรณาการการรับรู้สมรรถนะตนเองและการเสริมพลังอำนาจ ช่วยให้สตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดเอวันมีความรู้ ความเข้าใจ และเชื่อมั่นในความสามารถในการปฏิบัติตัวขณะที่เป็นเบาหวาน มีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ดี สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เอกสารอ้างอิง

กฤษณี สุวรรณรัตน์, ตติรัตน์ เตชะศักดิ์ศรี, และสุพิศ ศิริอรุณรัตน์. (2562). ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการภาวะเบาหวานด้วยตนเอง และระดับน้ำตาลในเลือดของหญิงที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์.วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 30(2), 1-13.

เกษร แก้วผุดผ่อง. (2561). ผลการใช้โปรแกรมส่งเสริมการดูแลสุขภาพตนเองต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11, 32(1), 907-917.

ข้อมูลสถิติคลินิกฝากครรภ์และห้องคลอด ปีพ.ศ. 2563-2565. (2565). ข้อมูลสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวาน. กรุงเทพฯ: โรงพยาบาลราชวิถี.

นวลพรรณ เอี่ยมตระกูล. (2556). ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ 3 Self ที่มีต่อความรู้ การรับรู้ความสามารถ การกำกับพฤติกรรม การดูแลสุขภาพตนเอง และระดับน้ำตาลในเลือดของหญิงตั้งครรภ์ที่เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรงพยาบาลเลิดสิน. วารสารพฤติกรรมศาสตร์เพื่อการพัฒนา, 5(1), 129-138.

บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร. (2553). ระเบียบวิธีการวิจัยทางพยาบาลศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: ยูแอนด์ไอ อินเตอร์มีเดีย.

ประภัทร วานิชพงษ์พันธุ์. (2560). ตำราสูติศาสตร์. กรุงเทพฯ: ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.

มาลีวัล เลิศสาครศิริ. (2565). แนวคิดและการพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อน ปรับปรุงใหม่. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: บริษัท จามจุรีโปรดักส์ จำกัด.

วลัยลักษณ์ สุวรรณภักดี. (2561). ผลของโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวาน (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต (การผดุงครรภ์)). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, สงขลา.

อัญชลี จิตราภิรมย์, และจันทรรัตน์ เจริญสันติ. (2558). ประสิทธิผลของโปรแกรมการให้ความรู้และการฝึกผ่อนคลายต่อพฤติกรรมการดูเเลตนเอง ระดับน้ำตาลในเลือด เเละความเครียดของสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์. พยาบาลสาร, 42 (4), 133-145.

อดิณา ศรีสมบูรณ์, สุเพียร โภคทิพย์, และจรูญศรี มีหนองหว้า. (2564). ผลของโปรแกรมการดูแลตนเองต่อพฤติกรรมการควบคุมอาหาร และระดับน้ำตาลในเลือดของหญิงที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพวิทยาลัยพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์, 5(1), 34-43.

American College of Obstetricians and Gynecologists. (2013). Committee on practice bulletin no. 137: Gestational diabetes mellitus. Obstetrics and Gynecology, 122(1), 406-416.

American Diabetes Association. (2014). Standards of medical care in diabetes—2014. Diabetes care, 37(1), S14-S80.

Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. New York: Freeman.

Faul, F., Erdfelder, E., Lang, A. G., & Buchner, A. (2007). G* Power 3: A flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behavior research methods, 39(2), 175-191.

Gibson, C. H. (1991). A concept analysis of empowerment. Journal of advanced nursing, 16(3), 354-361.

Pender, N. J. (2011). Health promotion in nursing practice. (6th ed). New Jersey: Pearson.

Qadir, S. Y., Yasmin, T., & Fatima, I. (2012). Maternal and foetal outcome in gestational diabetes. Journal of Ayub Medical College Abbottabad, 24(3), 17-20.

Sherer, M., Maddux, J. E., Mercandante, B., Prentice-Dunn, S., Jacobs, B., & Rogers, R. W. (1982). The self-efficacy scale: Construction and validation. Psychological reports, 51(2), 663-671.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-12-28

รูปแบบการอ้างอิง

เลิศสาครศิริ ม., & วัชรสินธุ พ. (2023). ผลของโปรแกรมที่บูรณาการการรับรู้สมรรถนะตนเองและการเสริมพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพและระดับน้ำตาลในเลือด ของสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ, 9(2), 89–102. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/slc/article/view/263412

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย