พฤติกรรมการดูแลตนเอง และความสามารถในการควบคุมความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ในพื้นที่รับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโค้งบ่อแร่

ผู้แต่ง

  • พิชิตศักดิ์ จำปาเงิน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโค้งบ่อแร่ อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี

คำสำคัญ:

โรคความดันโลหิตสูง, พฤติกรรมการดูแลตนเอง, การควบคุมความดันโลหิต, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงสำรวจนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเอง ความรู้เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงการได้รับการสนับสนุนทางสังคม การได้รับข่าวสารเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง ความสามารถในการควบคุมโรคความดันโลหิต และปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเอง ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ในพื้นที่รับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโค้งบ่อแร่ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 248 คน ซึ่งได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบบันทึกข้อมูลการรักษาพยาบาล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน

ผลการวิจัย พบว่า ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่ ร้อยละ 76.6 มีพฤติกรรมการดูแลตนเองในระดับปานกลาง ร้อยละ 70.2 มีความรู้เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงในระดับดี ได้รับการสนับสนุนทางสังคมในระดับสูงร้อยละ 40.3 รองลงมา ร้อยละ 34.3 และ 25.4 ได้รับการสนับสนุนในระดับตํ่า และระดับปานกลาง ตามลำดับ ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงในระดับปานกลาง ร้อยละ 50.8 สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ร้อยละ 46.4 ทั้งนี้ การได้รับการสนับสนุนทางสังคม และการได้รับข่าวสารเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับพฤติกรรมการดูแลตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ในระดับปานกลาง (r = 0.357) และต่ำ (r = 0.134) ตามลำดับ

จากผลการศึกษา ควรส่งเสริมให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงได้รับการสนับสนุนทางสังคม และข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มมากขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเองให้เหมาะสม

เอกสารอ้างอิง

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2559). รูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.

กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.(2561). รายงานสถานการณ์โรค NCDs : เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2561. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์

กัลยรัตน์ แก้ววันดี. (2554). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการดูแลสุขภาพตนเองของประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองยวง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน (วิทยานิพนธ์ สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต).มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่, เชียงใหม่.

ขวัญใจ ผลศิริปฐม. (2554). พฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของกลุ่มเสี่ยงสูงในเขตตำบลวังตะกอ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร(วิทยานิพนธ์ สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต).มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, เพชรบุรี.

จงดี เพ็งสกุล. (2558). ความสามารถในการควบคุมความดันโลหิต และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ที่ควบคุมความดันโลหิตได้และไม่ได้ โรงพยาบาลพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี. สุราษฎร์ธานี:รายงานวิจัย.

ญาณิน หนองหารพิทักษ์ และประจักร บัวผัน. (2556). ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานของพยาบาลเวชปฏิบัติทั่วไปในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจังหวัดอุดรธานี. สืบค้นจาก https://ph02.tcihaijo.org/index.php/gskku/article/view/22960

ฐิติรัตน์ ศิริพิบูลย์. (2564). พฤติกรรมการดูแลตนเอง และความสามารถในการควบคุมความดันโลหิต ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จังหวัดสมุทรสาคร. สมุทรสาคร: รายงานวิจัย.

พวงเพชร เหล่าประสิทธิ์. (2554). พฤติกรรมการดูแลตนเอง และการเกิดภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี. สุราษฎร์ธานี: รายงานวิจัย.

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโค้งบ่อแร่. (2563).รายงานผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. สุพรรณบุรี : โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโค้งบ่อแร่.

วิทยา บุรณศิริ. (2555). เร่งรัดนโยบายรักษาเบาหวาน-ความดัน ลดแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่.สืบค้นจาก http://www.healthfocus.in.th/content/2012/07/876

ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์. (2563).การประชุมวิชาการชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทยครั้งที่ 1 ประจำปี 2563 เรื่อง “ความดันโลหิตสูง:สิ่งที่น่ารู้และต้องรู้”. สืบค้นจาก https://ccpe.pharmacycouncil.org/index.php?option=seminar_detail&subpage=seminardetail&id=3115

สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2558).แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป 2555 ฉบับปรับปรุง 2558. สืบค้นจาก http://www.thaihypertension.org/files/GL%20HT%202015.pdf

สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2563). การประชุมวิชาการประจำปีครั้งที่ 18 สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. สืบค้นจาก http://thaihypertension.org/files/4521.Thai%20Hypertension%20Conference%202020.pdf

สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.(2562). ประเด็นสารรณรงค์วันความดันโลหิตสูงโลก ปี 2562. สืบค้นจาก https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/07/127178/

สิทธิโชค จิติวงศ์. (2560).พฤติกรรมการดูแลตนเอง และความสามารถในการควบคุมความดันโลหิต ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลนภาลัย.สมุทรสงคราม: รายงานวิจัย.

สินีนาฏ โคตรบรรเทา, สินีนาฏ วิทยพิเชฐสกุล, อนุช แซ่เล้า, และพูลพงศ์ สุขสว่าง. (2557). โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของการปฏิบัติตนเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ของประชาชนเทศบาลเมืองบ้านสวน อำเภอเมืองจังหวัดชลบุรี. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา, 9(2), 85-96.

สุภาภรณ์ เกื้อสุวรรณ. (2556). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพตนเองและครอบครัวของผู้มารับบริการที่โรงพยาบาลศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง (วิทยานิพนธ์ ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ.

สุรชัย จิตต์ดำรงค์, สุพรรษา เพลงเสนาะ, และสมควรจันทร์คง. (2556). ความสามารถและพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ที่ควบคุมความดันโลหิตได้และไม่ได้ โรงพยาบาลลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา. นครราชสีมา : รายงานวิจัย.

Green, L. W., & Kreuter, M. W. (2005). Health program planning an educational and ecological approach. New York: Quebecor World Fairfield.

Kaplan, N. M. (2002). Kaplan’s clinical hypertension (8th ed.). Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins.

Srinivasan, A. V. (2014) . Managing a modern hospital. New Delhi: A Division of Sage India (P)

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-06-29

รูปแบบการอ้างอิง

จำปาเงิน พ. (2022). พฤติกรรมการดูแลตนเอง และความสามารถในการควบคุมความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ในพื้นที่รับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโค้งบ่อแร่. วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ, 8(1), 248–264. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/slc/article/view/254468

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย