ผลของโปรแกรมการมีส่วนร่วมของพยาบาลวิชาชีพในการบริหารจัดการผู้ป่วย เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ โรงพยาบาลแพร่
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบศึกษาหนึ่งกลุ่มวัดก่อน-หลังการทดลองมีวัตถุประสงค์เพื่อ เปรียบเทียบความพึงพอใจต่อโปรแกรมการมีส่วนร่วมของพยาบาลวิชาชีพในการบริหารจัดการเพื่อป้องกัน การเกิดแผลกดทับ และเปรียบเทียบอุบัติการณ์การเกิดแผลกดทับในหอผู้ป่วยอายุรกรรมโรงพยาบาลแพร่ ก่อนและหลังการได้รับโปรแกรม กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลแพร่ จำนวน 30 คน เครื่องมือ ในการดำเนินการวิจัยประกอบด้วย เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ โปรแกรมการมีส่วนร่วมของพยาบาล วิชาชีพในการบริหารจัดการผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับตามแนวคิดของโคเฮนและอัฟฮอฟ (Cohen & Uphoff, 1980) เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูล ทั่วไป แบบประเมินความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพต่อการใช้โปรแกรม และแบบบันทึกการเกิดแผลกดทับ ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน มีค่าความตรงตามเนื้อหา ระหว่าง 0.6 - 1.0 และค่าความเชื่อมั่นโดยสัมประสิทธิ์อัลฟาคอนบาค เท่ากับ 0.96 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมุติฐานโดยใช้สถิติการทดสอบPaired t-test ผลการวิจัยพบว่า 1. ความพึงพอใจในโปรแกรมการมีส่วนร่วมของพยาบาลวิชาชีพในการบริหารจัดการเพื่อป้องกัน การเกิดแผลกดทับหลังการได้รับโปรแกรมสูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 2. อุบัติการณ์การเกิดแผลกดทับในหอผู้ป่วยอายุรกรรมโรงพยาบาลแพร่หลังการใช้โปรแกรมการมี ส่วนร่วมของพยาบาลวิชาชีพในการบริหารจัดการผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ โรงพยาบาลแพร่ลดลง
Article Details
เอกสารอ้างอิง
Cohen, J. M. & Uphoff, T. (1980). Participation's place in
rural development: Seeking clarity through
specificity. World development, 8(5), 213-235.
Chunlestskul, K. (2001). Learning by reflection: Education
and clinical nursing practice. The Journal of
Faculty of Nursing Burapha University, 9(2) ,
-48. [In Thai].
Katesumpan, Y., Tuampermpol, A., Apiradeevajeesate,
N., & Prasungsit, J. (2009). Pressure sore care:
Art and science in nursing. Bangkok: Thai effect
studio, ltd. [In Thai].
Khunchaitis, A. (2014). Effectiveness of clinical practice
guidelines implementation for pressure sore
prevention among elderly patients with stroke,
private medical unit, McComick hospital.
Master Thesis (Nursing), Chaingmai University,
Chaingmai. [In Thai].
Kunphurk, B., Kumpolsiri, T., & Lasuka, D. (2010).
Effectiveness of clinical practice guideline
implementation for pressure sore prevention in
elderly with cerebrovascular disease at female
medical unit 1, Buddhachinaraj hospital,
Phitsanulok province. Nursing Journal,
(2), 155-169. [In Thai].
Mamom, J. (2012). The nurse role and pressure ulcers:
Challenge in prevention and management.
Thai Science and Technology Journal, 20(5)
(Supplement), 478-489. [In Thai].
Nursing division, Phare Hospital. (2016). Annual report,
Phare hospital. Phare: Phare Hospital. [in Thai]
Nursing division, Phare Hospital. (2017). Informatic
tecnology, Phare Hospital. Phare: Phare Hospital.
[In Thai].
Office of the national economic and social development
council. (2016). The twelfth national economic
and social development plan. Bangkok : Office of
the national economic and social development
board.
Patterson, J. A. & Bennett, R. G. (1995). Prevention and
treatment of pressures sores. Journal of the
American Geriatrics Society, 43, 919-927.
Prasangsit, J., Roongsangjun, K., & Muangkern, Y.
(2016). Would care for nursing: Evidence base
to practice. Bangkok: P.A Living, ltd. [In Thai].
Wattanasak, W. (2006). Bilateral system and labour problem
solving instate enterprise: The center for
peace and governance, King's Prajahipok's
institue. Bangkok: Depertment of labour protection
and welfere, Ministry of labour. [In Thai].
Yamvong, C., Intarasombat, P., Vongvivut, J.,
Kanchanajari, S., Chokepichit, P., Ninwisase, P...
Atikomkulchai, W. (2005). Reducing the
incidence of pressure ulcer: Model of care
through action research. Thai nutrsing council,
(1), 33-47. [In Thai].
