แนวทางการลดความเมื่อยล้าจากการทำงานด้วยยางยืดออกกำลังกายสำหรับผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์

บทคัดย่อ

ปัญหาความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อและอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูกจากการทำงานมีแนวโน้มสูงขึ้น สาเหตุของปัญหาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับลักษณะ สภาพ และท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสม สืบเนื่องจากงานด้านการตรวจวิเคราะห์ทางคลินิกที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์จึงต้องทำงานหนักขึ้นและมีชั่วโมงการทำงานนานขึ้น งานด้านการตรวจวิเคราะห์ที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้เกิดปัญหาความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อและอาการทางระบบกล้ามเนื้อกระดูกในกลุ่มนักเทคนิคการแพทย์และผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ อย่างไรก็ตามข้อมูลการศึกษาด้านปัจจัยเสี่ยง ความชุก และแนวทางการป้องกันปัญหาดังกล่าวยังมีอยู่อย่างจำกัด บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว จากการศึกษาข้อมูลพบว่าความชุกของอาการเมื่อยล้าและอาการทางระบบกล้ามเนื้อและกระดูกในกลุ่มดังกล่าว ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณหลัง คอ และไหล่ ตามลำดับ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการทำงานภายใต้ความกดดันสูง การนั่งทำงานกับกล้องจุลทรรศน์เป็นระยะเวลานาน ท่าทางการก้มศีรษะ การเอนตัวและหลังไปด้านหน้า การเกร็งบริเวณคอและไหล่ และการเพ่งสายตา จากการศึกษารูปแบบการออกกำลังกายด้วยยางยืด พบว่า สามารถเพิ่มความยืดหยุ่นและลดอาการเมื่อยล้าและการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อแต่ละส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้แนะนำโปรแกรมการออกกำลังกายสำหรับกลุ่มผู้ปฏิบัติงานดังกล่าว คือ การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ 3 ท่า แล้วตามด้วยการออกกำลังกายด้วยยางยืด 5 ท่า ท่าละ 8-10 ครั้ง ปฏิบัติครั้งละ 90 นาทีต่อวัน ต่อเนื่องกัน 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ กล่าวโดยสรุป การออกกำลังกายด้วยยางยืดถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และประหยัด ต่อการนำมาใช้เพื่อลดอาการเมื่อยล้าและการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ ในกลุ่มผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และนักเทคนิคการแพทย์ได้