การประเมินประสิทธิผลมาตรการป้องกัน COVID-19 ในเขตสุขภาพที่ 3 ปี
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2021.78คำสำคัญ:
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, การประเมินประสิทธิ, มาตรการบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิผลของมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในองค์ประกอบด้านบริบท ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต ด้านผลกระทบด้านประสิทธิผล ด้านความยั่งยืน และด้านการถ่ายโยงความรู้ และเพื่อให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติ การวิจัยแบบผสมผสาน (mixed methods) ประกอบด้วย การวิจัยเชิงคุณภาพ และการวิจัยเชิงปริมาณ ตามกรอบแนวคิด CIPPIEST Model เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) เครื่องมือเชิงคุณภาพ คือ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง 2) เครื่องมือเชิงปริมาณ คือ แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) ผู้บริหารระดับจังหวัด และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้ปฏิบัติงาน จำนวน 55 คน คัดเลือกแบบเจาะจง 2) ผู้ประกอบการ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 อายุ 15-60 ปี จำนวน 383 คน เก็บรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ 5 จังหวัด ของเขตสุขภาพที่ 3 ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม พ.ศ. 2563 ข้อมูลเชิงปริมาณใช้การวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา และข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า การประเมินตามมาตรการป้องกัน COVID-19 ตามกรอบแนวคิด CIPPIEST Model ผ่านเกณฑ์ทั้ง 8 ขั้นตอน ดังนี้1) ด้านบริบท 2) ด้านปัจจัยนำเข้า 3) ด้านกระบวนการ 4) ด้านผลผลิต 5) ด้านผลกระทบ 6) ด้านประสิทธิผล 7) ด้านความยั่งยืน และ 8) ด้านการถ่ายโยงความรู้ โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1) หน่วยงานส่วนกลางต้องมีคำสั่งการในการทำ Local quarantine ให้เป็นรูปแบบเดียวกันในทุกจังหวัดให้ชัดเจน 2) ควรสนับสนุนสื่อประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้มาตรการป้องกันโรคมากขึ้น
Downloads
เอกสารอ้างอิง
Office of efinance. Prime minister promulgate emergency degree COVID-19 [Internet]. 2020 [cited 2020 Dec 2]. Available from: https:// www.efinancethai.com/LastestNews/Latest- NewsMain.aspx?ref=A&id=Smd5VE5XNFN- GazQ9.
Epidemiology and Public Health Emergency Re- sponse. Situation corona virus 2019 region 3 No.3. 2020, Dec 24; Office of Disease Preven- tion and Control Region 3rd Floor 4 Meeting Room, Nakhon Sawan Province. Nakhon Sawan: Epidemiology and Public Health Emergency Re- sponse; 2020. p. 3-4.
Jitsawangsophid S. Effectiveness of project rural development loans of government saving bank: a case study house wife group Banhae Ang Thong province. Chonburi: Burapha University; 2012. 128 p. (in Thai)
Thanongkij R, Poboon C, Phoochinda W. Eval- uation of the effectiveness of community energy learning centers. JCDR-HS. 2017;10(4):163- 74.
Manasim K. The Evaluation of instruction in the government curriculum (english program), Pathumthep Witthayakarn School, Nongkhai Province. Nongkhai: Pathumthep Witthayakarn School; 2015. p. 57.
Chintapanyakun T, Ruaengsri S, Laksana K, Lhongsap P. The new curriculum evaluation: CIPPIEST model. Journal of Optoelectronical Nanostructures. 2017;9(2):209.
Singchongchai P, Khampalikit S, Nasae T. Nursing research: principle and process. Faculty of Nursing, Prince of Songkla University. Songkhla: Songkla University; 2006. 143 p.
Vanichbuncha K. Statistics analysis: statistics for management and research 13th ed. Bangkok: Chulalongkorn University; 2011. p. 6-27.
Hungmitr C, Makkawan S, Thitinunthiwat N. Evaluating of effectiveness for surveillance and law enforcement according to alcohol control act, 2008 in health regional area 3. Nonthaburi: Min- istry of Public Health; 2017. p. 61-2.
Office Regional Heath 3 No.3. Report follow progress of situation Corona Virus 2019 in region 3 No.3. In: Noi-kham A. Minutes meeting Committee of Incident Command System Region 3 No.3; 2020 Dec 25; Meeting room floor 5 Building 100 Year of Thai Public Health Sawan Pracharak Hospital (Green Hill), Nakhon Sawan Province, Thailand; 2021. p. 6-11. (in Thai)
Prasertsook M, Mongkalangkoon N, Meengun K, Karnkan O, Nalam P, Luang-on W, et al. Evaluation of the surveillance, prevention and control of Influenza in public health services in Thailand during the year 2015. Dis Control J. 2017;43(3):316-28. (in Thai)
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน
