ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการติดเชื้อไข้มาลาเรียของประชาชนในชุมชนชายแดนพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

บทคัดย่อ

การศึกษาแบบกลุ่มศึกษา-กลุ่มควบคม มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้มาลาเรียของประชาชน ในชุมชนชายแดนพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากผู้ที่มารับบริการตรวจหาเชื้อไข้มาลาเรียในสถานบริการสาธารณสุข ระหว่างเดือนตุลาคม 2559 ถึงเดือนกันยายน 2560 กลุ่มศึกษาเป็นผู้ที่ติดเชื้อไข้มาลาเรีย จำนวน 96 คน และกลุ่มควบคุมเป็นผู้ที่ไม่ติดเชื้อไข้มาลาเรีย จำนวน 192 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด และการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติค (Simple and Multiple Binary Logistic Regression) ที่ระดับนัยสำคัญ 5% ผลการศึกษาพบว่า เพศชายมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้มาลาเรียมากว่าหญิง (AOR=2.42, 95% CI=1.33-4.42) ผู้ที่มีรายได้อย่างน้อย 3,000 บาทต่อเดือน มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อเดือน (AOR=2.32, 95% CI=1.07-5.049) ผู้ที่เคยเดินทางไปพักค้างแรมนอกพื้นที่อาศัย มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าผู้ที่ไม่เคยเดินทางพักค้างแรมนอกพื้นที่อาศัย (AOR=2.23, 95% CI=1.34-3.70) ผู้ที่พักแรมหรืออาศัยในพื้นที่เสี่ยง มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าผู้ที่ไม่เคยพักแรมหรืออาศัยในพื้นที่เสี่ยง (AOR=4.76, 95%CI=2.51-9.03) และผู้ที่ไม่สวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกายมิดชิด มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าผู้ที่สวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกายมิดชิด (AOR=4.81, 95%CI=2.00-11.57) ประชาชนที่อาศัยในเขตพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่เสียงต่อการติดเชื้อไข้มาลาเรีย ควรให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองและครอบครัว โดยสวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกายมิดชิด เมื่อต้องออกไปพักค้างแรมนอกพื้นที่อาศัย หรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง ตลอดจนให้ความสำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการป้องกันและควบคุมไข้มาลาเรีย เช่น การนอนในมุ้ง การใช้วัสดุป้องกันยุงด้วยสารเคมีหรือสมุนไพร เป็นต้น