ผลของการพัฒนาระบบเฝ้าระวังควบคุมป้องกันโรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่ ตามแนวชายแดนประเทศไทย-เมียนมา-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จังหวัดเชียงราย ปี 2560-2561
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2019.19คำสำคัญ:
โรคติดต่อ, โรคอุบัติใหม่, งานสาธารณสุขชายแดนบทคัดย่อ
ความเป็นมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้จัดทำโครงการเพื่อพัฒนาระบบเฝ้าระวัง
และควบคุมป้องกันโรคติดต่อ และโรคอุบัติใหม่ตามแนวชายแดนประเทศไทย-เมียนมา-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ปี 2558-2561 จึงจำเป็นต้องมีการติดตามประเมินผลความก้าวหน้า รวมไปถึงการถอดบทเรียนผลการดำเนินงาน เพื่อนำผลการประเมินเป็นแนวทางการพัฒนาและนำเสนอบทเรียนการทำงานให้กับพื้นที่ต่อไป วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลและวิเคราะห์รูปแบบในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังควบคุมป้องกันโรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่ตามแนวชายแดนประเทศไทย-เมียนมา-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว วิธีการศึกษา การศึกษานี้เป็นรูปแบบการวิจัยเชิงพรรณนาแบบประเมินผล รวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม การสนทนากลุ่ม การสัมภาษณ์เชิงลึก และประยุกต์ใช้แนวคิดการประเมินผลลัพธ์โครงการตามรูปแบบการประเมินตามแบบซิปโมเดล (CIPP Model) เป็นกรอบแนวคิดในการศึกษา ใช้กลุ่มตัวอย่างจากการสุ่มแบบเจาะจงคือ กลุ่มคณะผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน อาสาสมัครสาธารณสุข/อาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว ประชาชนทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโครงการ จำนวน 1,481 คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยการวิเคราะห์ทางสถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษา สำหรับชายแดนไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พบว่า เป็นเพศหญิง ร้อยละ 56.9 เพศชาย ร้อยละ 43.1 ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 83.2
มีความหลากหลายทางชนเผ่าและสัญชาติไทย อาชีพเกษตรกร ร้อยละ 39.2 สำหรับชายแดนไทย-เมียนมา พบว่า เป็นเพศหญิง ร้อยละ 53.7 มากกว่าเพศชาย ร้อยละ 46.3 ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 65.3 เป็นชนเผ่าไทยใหญ่ ร้อยละ 50.1 และมีสัญชาติพม่า ร้อยละ 38.6 ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง ร้อยละ 51.0 ผลลัพธ์ตามรูปแบบ CIPP Model พบว่าด้านบริบท (context) ได้แก่ ข้อมูลนโยบาย/แผนงาน/โครงการ ของพื้นที่ชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน การรับสนับสนุนจากองค์กรอื่น มีความครบถ้วน สมบูรณ์ดี ด้านปัจจัยนำเข้า (input) มีความพร้อมด้านงบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และศักยภาพภาพบุคลากรที่สนับสนุนการดําเนินงานในพื้นที่ อยู่ในระดับดี ด้านกระบวนการ (process) การดําเนินโครงการและกิจกรรมมีกระบวนการ และแนวทางในการปิดช่องว่างของปัญหาในพื้นที่ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับดี ด้านผลลัพธ์ของโครงการ (product) พบว่า ความสําเร็จของการดําเนินโครงการได้รูปแบบการทำงานสาธารณสุขชายแดนที่เป็นแนวทางชัดเจน สรุปและข้อเสนอแนะ พบว่า ได้ผลลัพธ์เชิงบวกและเป็นรูปธรรมด้านมิติเชิงนโยบาย (policy) และมิติการปฏิบัติงานระดับพื้นที่ (local) มีรูปแบบการทำงานทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ในการดำเนินงานความร่วมมือจากระดับจังหวัดสู่ระดับเมือง (top-down) ในพื้นที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว
และมีผลลัพธ์การทำงานในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งเกิดภาพด้านมิติการปฏิบัติงานระดับพื้นที่
มีข้อจำกัดในการดำเนินงานในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ควรมีการกำหนดนโยบายจากส่วนกลาง ในประเด็นความร่วมมือด้านโรคติดต่อที่ระบาดและภัยสุขภาพที่สำคัญในพื้นที่ และกำหนดแนวทางความร่วมมือระดับเมืองคู่ขนาน และหมู่บ้านคู่ขนานตามแนวชายแดน ไทย-เมียนมา ไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. Bureau of Epidemiology, Department of Disease Control, Ministry of Public Health. Report of key performance indicators. Nonthaburi: Department of Disease Control, Bureau of Epidemiology; 2016.
3. Deparment Of Disease Control, Bureau of Epidemiology. International Health Regulations (IHR2005) and Global Health Security Agenda (GHSA) [Internet]. 2018 [cited 2018 Feb 18]. Available from: http://www.boe.moph.go.th/files/meeting/IHR2015/2.pdf
4. Srithala S. The development of health promotion in community, economic zone [dissertation]. Chiang Rai: Chiang Rai Rajabhat University; 2009.
5. The project of Awareness and Communicable diseases, Emerging disease Preparing round borders of three countries; Thailand, Laos, and Myanmar, 2017. In The Joint meeting on Cross-border and Public Health between Thailand and Lao PDR; 2017; Chiang Rai Provincial Health office.
6. Border Health, Chiang Rai Provincial Health office. Meeting minute report of the project of awareness and communicable diseases, emerging disease preparing round borders of three countries; Thailand, Laos, and Myanmar, 2017. The Joint meeting on cross-border and public health between Thailand and Lao PDR; 2017. 2017 Mar 21-23; Chiang Rai Grandroom Hotel, Chiang Rai. Chiang Rai: 2017. p. 1-54.
7. Strategy and Planning Division, Ministry of Public Health. Ministry of Public Health Strategy 2016 (Strategic Focus) [Internet]. 2016 [cited 2018 Feb 18]. Available from: http://bps.moph.go.th/new_bps/sites/default/files/mophplan_2559_final_0.pdf
8. Rangsukkul Y. The evaluation project: concept and practice. Bankkok: Chulalongkorn University Printing House; 1999.
9. Watanasuntorn K. Application of Stufflebeam’s CIPP model for education project evaluation. Suranaree J Soc Sci 2008;2:67-83.
10. Punturat S. Statistics for educational research [Internet]. 2017 [cited 2018 Jan 23]. Available from: https://home.kku.ac.th/sompo_pu/spweb/stat/part4.pdf
11. Punturat S. Quantitative research [Internet]. 2017 [cited 2018 23 Jan]. Available from: https://home.kku.ac.th/sompo_pu/spweb/research/701.ppt
12. USC Libraries. Organizing your social sciences research paper: qualitative methods [Internet]. 2018 [cited 2018 Feb 13]. Available from: http://libguides.usc.edu/writingguide/qualitative
13. Vorapongsatorn T. Descritive statistics. [Online].2016 [cited 2018 Jan 12]. Available from: http://oec.anamai.moph.go.th/download/OEC_2016/MEETTING2561/FEB2561/18_21FEB/4.Descriptive%20Statistics%20กรมอนามัย%2019-21%20กพ%2061.pdf
14. The Development of Stategy, Chiang Rai Provincial Health Office. The number of cases/ death cases 2015-2017. Chiang Rai: Chiang Rai Provincial Health Office, Data and Evaluation group; 2018.
15. Buosonte R. CIPP and CIPPIEST evalvation models: mistaken and precise concepts of applications. Silpakorn Education Research Journal 2012;5:7-24.
16. Ritcharoon P. Training project evaluation: concepts, models, and evaluation process. STOU Education Journal 2017;10:42-57.
17. Shijaroeng A. Evaluation project: planning of southern problem solving in Pakistan (Karachi), consulate. Bangkok: Ministry of Foreign Affairs, Devawongse Varopakarn Institute of Foreign Affairs; 2017.
18. Zaleznik A, Christensen CR, Roethlisberger FJ. The motivation, productivity, and satisfaction of workers: a prediction study. Boston: Harvard University, Division of Research, Graduate School of Business Administration; 1958.
19. Yawaphapad S. Public policy. 3rd ed. Bangkok: Chulalongkorn University Printing House; 1997.
20. Strategy and Planning Division. Ministry of Publice Health. Border Health Planning 2017-2021 [Internet]. 2017 [cited 2017 Dec 11]. Available from: http://www.boe.moph.go.th/files/meeting/IHR2017/3.pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


