ผลการพัฒนารูปแบบการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก โดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ปี 2559
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2019.14คำสำคัญ:
โรคไข้เลือดออก, ภาคีเครือข่าย, การมีส่วนร่วมบทคัดย่อ
ในปี 2558 อำเภอเกษตรสมบูรณ์ พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสูงที่สุดในรอบ 10 ปี ปัญหาที่สำคัญคือ การใช้สารเคมีไม่ได้ผล ประชาชนไม่กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านตนเอง ภาคส่วนต่าง ๆ ไม่ให้ความสำคัญในการป้องกันโรค จึงได้มีการพัฒนารูปแบบการดำเนินงาน โดยให้ภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก โดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการพัฒนารูปแบบการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกโดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสังเกต แบบสำรวจลูกน้ำยุงลาย รายงาน 506 ใช้สถิติเชิงพรรณนาคือ ร้อยละ ค่ามัธยฐาน ค่าต่ำสุด-สูงสุด สถิติเชิงอนุมานคือ Mann Whitney-U test และ Wilcoxon rank-sum test พบว่า ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายระดับอำเภอ โดยเน้นการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายโดยวิธีกายภาพและชีวภาพ หน่วยงานสาธารณสุขมีหน้าที่ติดตามประเมินผลตามเกณฑ์การประกวดหมู่บ้านสะอาดปลอดลูกน้ำยุงลาย ปีละ 3 ครั้ง มีการคืนข้อมูลให้ภาคีเครือข่ายทุกครั้ง ทำให้รู้สถานการณ์ความเสี่ยงในแต่ละหมู่บ้าน นำไปสู่การดำเนินงานในระดับตำบลและหมู่บ้านตามบริบทของพื้นที่ โดยภาคีเครือข่ายมีการดำเนินงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายคือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และผู้นำชุมชน ดำเนินการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในหมู่บ้าน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณและสารเคมีในการควบคุมโรค จากการสังเกตพบว่า ประชาชนให้ความสำคัญในการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านตนเอง มีการทำฝาโอ่งโดยใช้มุ้งเขียวขอบไม้ไผ่ ซึ่งสามารถทำได้เอง บางหมู่บ้าน อสม. และผู้นำชุมชนทำแจก รวมทั้งมีการปล่อยปลากระดี่ในภาชนะที่มีน้ำขัง ซึ่งปลากระดี่สามารถหาได้ง่ายในธรรมชาติและทน ทำให้การควบคุมโรคมีความยั่งยืนและลดการใช้สารเคมี พบว่า ค่ามัธยฐานของดัชนีลูกน้ำยุงลาย (HI) ในปี 2558 เท่ากับ 10.0 (Min-Max = 2.5-32.5) ปี 2559 เท่ากับ 7.5 (Min-Max = 0.0-20.0) โดยปี 2558 มีค่าสูงกว่าในปี 2559 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p<0.001) ค่ามัธยฐานของอัตราป่วยโรคไข้เลือดออกต่อแสนคน ในปี 2558 เท่ากับ 192.6 (Min-Max = 0.0-899.1) ปี 2559 เท่ากับ 0.0 (Min-Max = 0.0- 468.4) โดยปี 2558 มีค่ามากกว่าปี 2559 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p<0.001) สรุปว่า ดัชนีลูกน้ำยุงลายและจำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในปี 2559 ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2558 เนื่องจากภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน โดยใช้วิธีการที่ชุมชนสามารถดำเนินการเองได้ มีการประเมินผลและคืนข้อมูลให้แก่ภาคีเครือข่ายที่ดี ทำให้เกิดความตระหนัก และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. Bureau of Vector-Borne Diseases. Dengue Hemorrhagic Fever situation in 2015 [Internet]. [cited 2015 Nov 10]. Available from: https://ddc.moph.go.th/th/site/office_newsview/ view/696 (in Thai)
3. Chaiyaphum Provincial Health Office. Dengue Hemorrhagic Fever situation in Chaiyaphum Province in 2015 [Internet]. [cited 2015 Nov 10]. Available from: http://cpho.moph.go.th/wp/wp-content/uploads/2012/08/week-482.pdf (in Thai)
4. Bureau of Epidemiology. Applied epidemiology for prevention and control of D.H.F. Samut Songkhram: Born to be publishing; 2017. (in Thai)
5. Ramkhamhaeng University. The participation in the work of personnel [Internet]. [cited 2015 Nov 10] Available from: http://hrm.ru.ac.th/file/research/005-5.pdf (in Thai)
6. Shuaytong P, Suphun B, Karuhadej P. The People participation on Dengue Hemorrhagic Fever prevention and control in Si Sa Ket Province. Kuakarun Journal of Nursing 2013;20:55-69. (in Thai)
7. Kiatthanabodi P, Wiwanitkit V, Deeying J. Prevention and control behaviors on Dengue Hemorrhagic Fever of party health network in Muang District, Buri Ram Province. Journal of Research and Development Buri Ram Rajabhat University 2015;10:84-91. (in Thai)
8. Wannasamphat P. Development of prevention and control of Dengue Fever by the process of five networks, five collaborations, five attributions in Muang District, Yasothorn. Journal of Health Science 2015;24:1096-106 (in Thai)
9. Sota C. Concepts theories and application for health behavioral development. 3rd ed. Khon Kaen: Khon Kaen University; 2011. (in Thai)
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


