วัณโรคดื้อยาหลายขนานและผลการรักษาด้วยระบบยาระยะสั้นใน โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ปี พ.ศ. 2550
คำสำคัญ:
วัณโรคดื้อยาหลายขนาน, ผลการรักษาด้วยระบบยาสั้น, โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาบทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสถานการณ์วัณโรคดื้อยาและปัจจัยที่มีผลต่อการดื้อต่อยาหลายขนาน(MDR-TB) ในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา รวมทั้งผลการรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ด้วยระบบการรักษาด้วยยาระยะสั้น (2HRZE/4HR) เป็น Cross-sectional study โดยกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาคือผู้ป่วยวัณโรคปอดเสมหะบวกที่ขึ้นทะเบียนที่โรงพยาบาลมหาราช และได้ส่งเสมหะเพื่อทดสอบความไวต่อยาวัณโรคและได้รับการรักษาด้วย ระบบยาระยะสั้นรวมทั้งได้รับการให้คำปรึกษาเพื่อเจาะเลือดตรวจ HIV ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 30 ธันวาคม 2550 จำนวน 97 ราย เก็บข้อมูลจากทะเบียนรายงานผลการตรวจเสมหะและผลการทดสอบความไวต่อยาวัณโรค ข้อมูลประวัติการรักษาจาก treatment card ของผู้ป่วยวัณโรคแต่ละราย วิเคราะห์ทางสถิติ โดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน คำนวณความชุกอัตราดื้อยาและเชื้อวัณโรคโดยใช้ร้อยละ และศึกษาความสัมพันธ์ของแต่ละปัจจัยต่อการดื้อยาวัณโรคหลายขนาน (MDR-TB) โดยใช้ Chi - square test และ Odd Ratio ผลการศึกษาลักษณะทางประชากร พบว่า เป็นเพศชายร้อยละ 71.1 เพศหญิงร้อยละ 29.9 อยู่ในกลุ่มอายุ 35-44 ปี และ 55-64 ปี มีอายุเฉลี่ย 49.5 ปี S.D.=16.87 ส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.3 มีประวัติไม่เคยรักษาวัณโรคมาก่อน และเป็นผู้ป่วยใหม่เสมหะบวกมากที่สุด ร้อยละ 77.3 ไม่พบการติดเชื้อ HIV ร้อยละ 82.5 จากการศึกษาอัตราการดื้อยาวัณโรค พบว่ามีการดื้อต่อยาวัณโรคตัวใดตัวหนึ่งหรือมากกว่า(Any Drug Resistance) 16 รายใน 97 ราย คิดเป็น ร้อยละ 16.5 โดยแบ่งเป็นดื้อต่อยา 1 ตัว ร้อยละ 6.2 (6/97) 2 ตัวร้อยละ 4.1 (4/97) 3 ตัวร้อยละ 4.1 (4/97) 4 ตัว ร้อยละ 2.1(2/97) ในจำนวนนี้เป็นการดื้อยาหลายขนาน (MDR-TB) ร้อยละ 7.2 (7/97) โดยเป็นผู้ป่วยเก่าร้อยละ 18.2 (4/22) ผู้ป่วยใหม่ร้อยละ 4 (3/75) ผลการศึกษายังพบว่า ผู้ป่วยที่เคยรักษาวัณโรค(ผู้ป่วยเก่า) มีโอกาสเกิดการดื้อยาหลายขนาน(MDR-TB) มากกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ไม่เคยรักษาวัณโรคมาก่อน (ผู้ป่วยใหม่)อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (OR =5.33 , 95% CL 1.09-5.33 p-value=0.05) และพบความสัมพันธ์ระหว่างการดื้อยาหลายขนานกับผลการรักษาในกลุ่มผู้ป่วยขาดยาติดต่อกันนาน 2 เดือน เมื่อสิ้นสุดการรักษา และกลุ่มผู้ป่วยล้มเหลวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value=0.0016) แต่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการดื้อยาวัณโรคหลายขนาน (MDR-TB) และผลเสมหะเมื่อสิ้นสุดระยะเข้มข้น สรุปผลการศึกษาครั้งนี้ พบอัตราการดื้อยาวัณโรคหลายขนาน (MDR-TB) ร้อยละ 4 ในผู้ป่วยวัณโรคที่ไม่เคยรักษา (ผู้ป่วยใหม่) สูงกว่าการสำรวจการเฝ้าระวังการดื้อยาประเทศไทยในกลุ่มผู้ป่วยใหม่เสมหะบวกครั้งที่ 3 ในปี 2549 ซึ่งพบ ร้อยละ 1.65 และผู้ป่วยวัณโรคที่เคยได้รับการรักษามาก่อน (ผู้ป่วยเก่า) มีโอกาสจะเกิดการดื้อยาวัณโรคหลายขนาน (MDR-TB) มากกว่าผู้ป่วยวัณโรคที่ไม่เคยรักษา (ผู้ป่วยใหม่) ผู้ป่วยที่มีผลการรักษาไม่ดี เช่นขาดยาติดต่อกันนาน 2 เดือน เมื่อสิ้นสุดการรักษาและกลุ่มผู้ป่วยล้มเหลว เมื่อสิ้นสุดการรักษาก็มีโอกาสเกิดการดื้อยาวัณโรคหลายขนาน (MDR-TB) ดังนั้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่และอยู่ในเขตเมืองควรให้การรักษาวัณโรค ตามแนวทางมาตรฐานสากล (International Standards Tuberculosis Care) รวมทั้งดำเนินการเฝ้าระวังปัญหาวัณโรคดื้อยาในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ด้วย
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. Espinal M.A., Kim S.J., Suarez P.G., et al. Standard Short Course Chemotherapy for drug resistant tuberculosis: treatment outcome in 6 countries. JAMA 2000; 283: 2537-45.
3. Hongthiamthong P, Chuchottaworn C, and AmatayakulN. Prevalence of Drug Resistance in Thai HumanImmunodeficiency Virus Seropositive TuberculosisPatients. J Med Assoc Thai
4. Pablos-Mandez A, Raviglione MC, Lazlo A, GlobalSurveillance for Antituberculosis-drug resistance.N Engl J Med 1998; 338: 1641-1649.
5. P.D.O. Davies. Clinical Tuberculosis. London: Chapman & Hall; 1994: 163-81
6. Tuberculosis Cluster, Bureau of AIDS Tuberculosis and Sexual Transmitted Disease, Ministry of Public Health. Management of Tuberculosis: Modified WHO Modules of Managing Tuberculosis at District Level. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, 2546.
7. World Health Organization. Stopping Tuberculosis. WHO
8. กองวัณโรค กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข.เอกสารการประกอบการประชุมเรื่องการนำกลวิธี DOTS มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยวัณโรค. วันที่ 17 ตุลาคม 2539 ณ กรมควบคุมโรคติดต่อกระทรวงสาธารณสุข
9. ณัฐยา อมาตยกุล, มานพ คำนวณคุณ, เจริญ ชูเชิดถาวร, ความชุกของการดื้อยาวัณโรคในผู้ป่วยวัณโรคที่มีการติดเชื้อไวรัสโรคเอดส์ของโรงพยาบาล ทรวงอก.วารสารวัณโรคและโรคทรวงอก 2541; 19: 73-79.
10. นัดดา ศรียาภัยและบัญญัติ ปริชญานนท์. National Tuberculosis Programme (NTP) แผนงานวัณโรคแห่งชาติ. วารสารวัณโรคและโรคทรวงอก. 2540; 18: 231.
11. มนูญ ลีเชวงวงศ์. MDR and XDR-TB Health Care Woker's Threat. บทความประกอบการอภิปราย "การสัมมนาวิชาการป้องกันควบคุมโรคแห่งชาติประจำปี 2551". กรุงเทพฯ : สำนักจัดการเรียนรู้ กรมควบคุมโรค, 2551
12. วรรณเพ็ญ จิตต์วิวัฒน์, สุรพร วรสวาท, สมคิด พันธุ์พฤกษ์, เพ็ญสังข์ พานิชกิจ, ยุพา เจี่ยวเลี่ยน. วัณโรคดื้อยาหลายขนานและผลการรักษาด้วยระบบยาระยะสั้นในเรือนจำขนาดใหญ่. วารสารวัณโรค โรคทรวงอกและเวชบำบัดวิกฤต. 2548.
13. วราวุฒิ บูรณวุฒิ, สว่าง แสงหิรัญวัฒนา, รุ่งนภา ประจักษ์ธรรม, อุมาพร อุดมทรัพยากุล. การดื้อยาต้านวัณโรคในผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีร่วมกับวัณโรคปอดของโรงพยาบาลรามาธิบดี ปี พ.ศ.2543-2544. วารสารวัณโรค โรคทรวงอกและเวชบำบัดวิกฤต. 2546; 11(2): 87-94
14. วิษณุชัย วิไลสกุลยง และเศวต ชำนาญกรม. อัตราการดื้อต่อยาในผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ ซึ่งมารับบริการที่ศูนย์สาธิตบริการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมาระหว่างปีงบประมาณ 2543-2547. วารสารวิชาการ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา. 2548.
15. ศิรินภา จิตติมณี, สุดธิดา แก้วไพฑูรย์, เจตนวัฒน์ สลักคำ. การเร่งรัดค้นหาการป่วยวัณโรคในผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์, คู่มือสุขภาพ 2550.
16. ศรีประภา เนตรนิยม, สมศักดิ์ เหรียญทอง. การรักษาผู้ป่วยวัณโรคใหม่ที่ดื้อต่อยาหลายขนานด้วยระบบยาระยะสั้น 6 เดือน. วัณโรคและโรคทรวงอก. 2545: 23: 237-246
17. สุนี อัศววรุณ, สว่าง แสงหิรัญวัฒนา, รุ่งนภา ประจักษ์ธรรม, อุมาพร อุดมทรัพยากุล. การดื้อยาต้านวัณโรคในผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีร่วมกับวัณโรคปอดของโรงพยาบาลรามาธิบดี ปี พ.ศ.2542. วารสารวัณโรคและโรคทรวงอก 2545; 23(4): 211-17.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


