การประเมินคุณภาพการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ ด้วยโปรแกรม HIVQUAL-T สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี

ผู้แต่ง

  • สุรศักดิ์ เกษมศิริ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี

คำสำคัญ:

การประเมินคุณภาพ, ผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์, โปรแกรม HIVQUAL-T

บทคัดย่อ

การศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินคุณภาพการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ ด้วยโปรแกรม HIVQUAL-T (HIV Quality of Care Program-Thailand) และศึกษาประสิทธิผลของการใช้โปรแกรม ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี ประชากรแบ่งเป็น 2 กลุ่ม 1) กลุ่มประเมินคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย เป็นโรงพยาบาลทุกแห่งที่ส่งข้อมูลในปี 2549 และ 2550 และ 2) กลุ่มประเมินประสิทธิผลการใช้โปรแกรม เป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ 8 คน ซึ่งคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือการวิจัย มี 2 ชนิด ได้แก่ แบบรายงานจากโปรแกรม HIVQUAL-T และ แบบสัมภาษณ์ ตัวชี้วัดที่ประเมินมี 10 ตัวชี้วัด ข้อมูลวิเคราะห์โดยหาร้อยละ ค่าเฉลี่ยร้อยละ และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า 1) การประเมินคุณภาพการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์จากโปรแกรม HIVQUAL-T ภาพรวมการดำเนินงานใน 10 ตัวชี้วัด พบว่า ค่าเฉลี่ยร้อยละของการดูแลรักษาผู้ป่วยปี 2549 ต่ำกว่า ปี 2550 โดยมีค่าเฉลี่ยร้อยละเท่ากับ 71.67 และ 79.40 เมื่อเปรียบเทียบการดำเนินงานในปี 2550 กับเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนพบว่า มีการปฏิบัติงานผ่านเกณฑ์ 7 ตัวชี้วัด ได้แก่ ร้อยละ ของผู้ป่วยที่ตรวจ CD4 (Cluster of Differentiation 4) อย่างน้อย 1 ครั้งในปีที่ประเมิน ร้อยละของผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านไวรัส และได้รับ การตรวจ VL (Viral Load) อย่างน้อย 1 ครั้ง ร้อยละของผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้และได้รับยาป้องกันโรคปอดอักเสบ (PCP: Pneumocystis pneumonia) ร้อยละของผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้และได้รับยาป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ร้อยละของผู้ป่วยที่ได้รับการติดตาม Adherence ทุกครั้ง ร้อยละของผู้ป่วยที่ไม่มีประวัติ/กำลังรักษา TB (Tuberculosis) ได้รับการคัดกรองวัณโรค และร้อยละของผู้ป่วยที่ได้รับข้อมูล/คำปรึกษาเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ทั้งนี้ มี 3 ตัวชี้วัดที่ดำเนินการได้ต่ำกว่าเกณฑ์ ได้แก่ ร้อยละของผู้ป่วยที่ตรวจ CD4 อย่างน้อย 2 ครั้งในปีที่ประเมิน ร้อยละของผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์รับยาได้รับยาและร้อยละของผู้ป่วยหญิงที่ได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูก (Papanicolaou smear) 2) ผลการประเมินประสิทธิผลการใช้โปรแกรม HIVQUAL-T ก่อนนำโปรแกรมมาใช้พบว่า โรงพยาบาลส่วนใหญ่ดูแลรักษาผู้ป่วยตามเกณฑ์มาตรฐานการดูแลผู้ป่วย ไม่มีการกำหนดตัวชี้วัดในการดูแลรักษา ตลอดจนเป้าหมายการดำเนินงาน และระบบการประเมินคุณภาพการดูแลรักษา การให้บริการที่ชัดเจน และการนำผลมาพัฒนาการให้บริการ และพบว่าสิ่งที่มีผลต่อการให้การดูแลรักษาผู้ป่วย คือ นโยบายหรือการให้ความสำคัญของผู้บริหาร หลังการนำโปรแกรมมาใช้ พบว่า มีข้อดี คือ ทำให้มีระบบการ ดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทราบคุณภาพการบริการ ศักยภาพในการปฏิบัติงานดูแลรักษาผู้ป่วย ส่วนข้อเสียหรือข้อจำกัด พบว่าเกิดจากตัวโปรแกรม แบบบันทึกข้อมูล บุคลากร และวิธีการดำเนินงาน ประเด็นที่ควรให้ความสำคัญและพัฒนาต่อไป คือ การตรวจ PAP smear ในผู้ป่วยหญิง การตรวจ Viral load ในผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านไวรัส และการตรวจ CD4 2 ครั้งต่อปี เนื่องจากดำเนินการไม่ผ่านเกณฑ์ตามแผนที่กำหนดไว้ และมีร้อยละการดำเนินงานที่ค่อนข้างต่ำ

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. สรุปการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านระบาดวิทยาโรคเอดส์. นนทบุรี: กองระบาดวิทยา. 2545.

2. สำนักงานควบคุมโรคติดต่อเขต 6 ขอนแก่น. การสังเคราะห์องค์ความรู้ เรื่อง ระบบบริการดูแลผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ อย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง. ขอนแก่น: สำนักงานควบคุมโรคติดต่อเขต 6 ขอนแก่น. 2543.

3. กรมควบคุมโรค. แนวทางการติดตามและส่งเสริมการรับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง. นนทบุรี: สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข. 2549.

4. สุคนธา คงศีลม สุขุม เจียมตน และ รักษวร ใจสะอาด. รายงานผลการวิจัยโครงการ ศึกษาวิเคราะห์นโยบายการจัดระบบบริการ ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์เข้าสู่ระบบบริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า. กรุงเทพฯ: โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ. 2547.

5. กรมควบคุมโรค. การศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ นโยบายและแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายการจัดระบบบริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ และผู้ป่วยเอดส์ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์เข้าสู่ระบบบริการ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า.นนทบุรี: สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. 2548.

6. สัญชัย ชาสมบัติ, ชีวนันท์ เลิศพิริยสุวัฒน์ และพีระมน นิงสานนท์. รายงานผลการศึกษาการศึกษารูปแบบและการดำเนินงานของโครงการการเข้าถึงบริการยาต้านไวรัสเอดส์ระดับชาติ สำหรับผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์. นนทบุรี: สำนักโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. 2547.

7. กรมควบคุมโรค. การศึกษาแนวทางการจัดระบบบริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์เข้าสู่ระบบบริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า: ส่วนผู้ ให้บริการ. นนทบุรี: สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข. 2547.
8. กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยโรคเอดส์เด็ก และผู้ใหญ่ในประเทศไทย พ.ศ.2545. นนทบุรี: สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. 2545.

9. อุดร ศรีสุวรรณ. ศักยภาพในการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ ของโรงพยาบาลในจังหวัดอุบลราชธานี. อุบลราชธานี: สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี. 2547.

10. ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข. HIVQUAL-T V.2 โปรแกรมการวัดและปรับปรุงคุณภาพการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในประเทศไทย. นนทบุรี: สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข. 2546.

11. กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการใช้โปรแกรมบันทึกผลการติดตามการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ (HIV AIDS Care Program). นนทบุรี: สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข. 2548.

12. สมศักดิ์ ศุภวิทย์กุล, เสาวนีย์ สีสองสม และคณะ. การวัดผลการปฏิบัติงานการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ ทางการแพทย์ ด้วยโปรแกรม HIVQUAL-T ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข.

13. กรมการแพทย์. การดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยโรคเอดส์. นนทบุรี: สำนักการพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2546.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

30-06-2008

รูปแบบการอ้างอิง

1.
เกษมศิริ ส. การประเมินคุณภาพการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ ด้วยโปรแกรม HIVQUAL-T สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 30 มิถุนายน 2008 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];34(2):173-80. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/156208

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ