พฤติกรรมการดูแลตนเองและการเกิดภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรงพยาบาลนภาลัย จังหวัดสมุทรสงคราม
คำสำคัญ:
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, การดูแลตนเอง, โรงพยาบาลนภาลัยบทคัดย่อ
การศึกษาเชิงสำรวจแบบตัดขวางนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน พฤติกรรมการดูแลตนเอง ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเอง และการเกิดภาวะแทรกซ้อนของ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรงพยาบาลนภาลัย (โรงพยาบาลของรัฐบาล ในจังหวัดสมุทรสงคราม ขนาด 90 เตียง รักษาโรคทั่วไป) ศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลนภาลัย นานกว่า 3 เดือน มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 260 คน ซึ่งได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ แบบสอบถาม ทำการเก็บข้อมูลในเดือนพฤศจิกายน 2549 - เดือนมกราคม 2550 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์ถดถอยพหุ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ร้อยละ 83.5 มีความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานอยู่ในระดับดี ร้อยละ 70.8 มีพฤติกรรมการดูแลตนเองในระดับปานกลาง รองลงมาร้อยละ 28.8 และ 0.4 อยู่ในระดับต่ำ และดีตามลำดับ ทั้งนี้ พฤติกรรมการดูแลตนเองที่ยังไม่ถูกต้องที่พบมากทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ได้แก่ การไปตรวจตากับจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง การบริหารปลายเท้า และการออกกำลังกาย สำหรับในเพศชายนั้น พบว่า มีพฤติกรรมไม่ถูกต้องเพิ่มมากกว่าเพศหญิง คือเรื่องการดื่มเหล้าเบียร์หรือสูบบุหรี่ ซึ่งมีการปฏิบัติในเรื่องนี้บ้างนาน ๆ ครั้ง ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value < 0.05) ในเพศหญิง ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน การได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคเบาหวาน และระยะเวลาการป่วยเป็นโรคเบาหวาน ส่วนในเพศชาย ได้แก่ ระยะเวลาการป่วยเป็นโรคเบาหวาน ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ดังกล่าวทั้งในเพศหญิงและเพศชาย เป็นความสัมพันธ์เชิงบวก สำหรับในเรื่องการเกิดภาวะแทรกซ้อน พบอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนโดยรวม ร้อยละ 68.5 เมื่อพิจารณาตามเพศ พบอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนในเพศหญิง ร้อยละ 69.5 เพศชายร้อยละ 65.8 ภาวะแทรกซ้อนที่พบมากในเพศหญิงคือ ภาวะแทรกซ้อนทางความดันโลหิตสูง พบร้อยละ 32.6 รองลงมาคือ ภาวะแทรกซ้อนทางตา หลอดเลือดหัวใจ ระบบประสาท ไต และผิวหนัง พบร้อยละ 11.8 9.1 4.3 0.5 และ 0.5 ตามลำดับ ทั้งนี้ในเพศหญิงพบภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างร่วมกัน ร้อยละ 10.7 ส่วนเพศชาย ภาวะแทรกซ้อนที่พบมาก คือ ภาวะแทรกซ้อนทางความดันโลหิตสูง พบร้อยละ 21.9 รองลงมาคือ ภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดหัวใจ ตา ระบบประสาท และไต พบร้อยละ 12.3 9.6 8.2 และ 2.7 ตามลำดับ ทั้งนี้ในเพศชายพบภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างร่วมกัน ร้อยละ 11.0 จากผลการวิจัย ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานให้ถูกต้องเพิ่มมากขึ้น เพื่อควบคุมโรคให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. อัญชลี ศิริพิทยาคุณกิจ. สถานการณ์โรคเบาหวานในประเทศไทย. (online) Available URL : http://epid. Moph.go.th /weekly/w_2548/Weekly48_homepge/wk48_47/wk48_47_3.html .2551. (วันที่ค้นข้อมูล : 15 มิถุนายน 2551).
3. เสรี หงส์หยก. เด็กไทยอายุสั้น 3 ขวบก็เป็นเบาหวานแล้ว. (online) Available URL : http://www. raklukefamilygroup. com/news.php?cat_id=1&id=2343. 2551. (วันที่ค้นข้อมูล : 15 มิถุนายน 2551).
4. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม. สถิติสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม ปี 2548. สมุทรปราการ : โรงพิมพ์สตาร์บลูม. 2548.
5. งานคลินิกโรคเบาหวาน โรงพยาบาลนภาลัย. จำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรงพยาบาลนภาลัย. 2548 :1.เอกสารอัดสำเนา.
6. พวงรัตน์ ทวีรัตน์. วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 7 กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2540: 125-126.
7. สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. สถานการณ์ปัญหาเบาหวานและน้ำตาลในเลือดสูง. (online) Available URL:http://www.tncdreducerisk.com/cms/index.php?option. 2549. (วันที่ค้นข้อมูล : 15 มิถุนายน 2551).
8. Zimbardo Philip G., Ebbeb, Ebbesen and Christina Muslach. Influencing Attitude and Changing Behavior. London : Addison Wesley Publishing Company. 1977: 49 - 53
9. Becker, M.H. The Health Beliefs Model and Sick Role Behavior. Health Education Manographs. 1974. 4, 409-417.
10. เรวัต เพชรมีศรี. ความรู้ ทัศนคติ พฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ศูนย์สุขภาพชุมชนกะแดะ. สุราษฎร์ธานี :รายงานวิจัย. 2549.
11. Patric S. Rawlins, Timothy D. Rawlins, and Molly Homer. Development of the Family Needs Assessment tool. West J Nurs Res. 1990 ;12 (6), 201.
12. อุบลวรรณ กุลสันต์. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยพื้นฐานบางประการ ข้อมูลที่ได้รับและความสามารถในการดูแลตนเองของหญิงตั้งครรภ์. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหิดล. 2541.
13. จินตนา พรมลาย. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของพัฒนากร เขต 3 กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท (สาธารณสุขศาสตร์), มหาวิทยาลัยมหิดล. 2541.
14. ประสงค์ ธีรพงศ์นภาลัย. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม ส่งเสริมสุขภาพของครูมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหิดล. 2541.
15. ไพโรจน์ พรหมพันใจ. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของคนงานโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหิดล. 2540.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


