การรับรู้ข้อมูลข่าวสารเรื่องโรคและภัยสุขภาพของคนไทย ปี 2550
คำสำคัญ:
การรับรู้, ข้อมูลข่าวสาร, โรคและภัยสุขภาพบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงสำรวจ (Survey Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเรื่องโรคและภัยสุขภาพของคนไทย โดยใช้แบบสอบถามที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานแล้ว สุ่มตัวอย่างประชากรจากกรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ อีก 8 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา นครปฐม แม่ฮ่องสอน สุโขทัย นครราชสีมา หนองคาย ชุมพร และพังงา จำนวน 5,498 คน เก็บข้อมูลระหว่างเดือน พฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม 2550 ประมวลผลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป QPS (Questionnaire Processing System) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติวิเคราะห์ Chi-square Test ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างเคยได้รับข้อมูลข่าวสาร เรื่องโรคและภัยสุขภาพ ร้อยละ 93.71 โรคและภัยสุขภาพที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลข่าวสารมากเป็น 5 อันดับแรก ได้แก่ โรคไข้เลือดออก ร้อยละ 85.1 โรคเอดส์ ร้อยละ 77.9 โรคไข้หวัดนก ร้อยละ 66.3 โรคจากการสูบบุหรี่ ร้อยละ 57.4 และอุบัติเหตุจราจร ร้อยละ 53.2 ช่องทางที่กลุ่มตัวอย่างได้รับความรู้มากเป็น 5 อันดับแรก ได้แก่ โทรทัศน์ ร้อยละ 85.8 วิทยุ ร้อยละ 54.7 บุคลากรสาธารณสุข ร้อยละ 44.9 โปสเตอร์,ป้ายโฆษณา ร้อยละ 43.7 และวารสาร,นิตยสาร ร้อยละ 40.1 กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อข้อมูลข่าวสารที่ได้รับโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง (เฉลี่ย 3.91 จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน) โดยมีกลุ่มตัวอย่างตอบว่าพอใจมากร้อยละ 18.2 ค่อนข้างพอใจร้อยละ 52.9 ปานกลางร้อยละ 24.0 ไม่พอใจ ร้อยละ 0.8 และไม่พอใจมากร้อยละ 0.3 กลุ่มตัวอย่างมีความรู้เรื่องโรคและภัยสุขภาพในภาพรวม 7 โรค ได้แก่ โรคไข้เลือดออก โรคเอดส์ โรคไข้หวัดนก เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ บุหรี่ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอุจจาระร่วงอยู่ในเกณฑ์ดี (เฉลี่ย 23.57 จากคะแนนเต็ม 28 คะแนน) โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่มีคะแนน ความรู้ระดับสูง ร้อยละ 85.3 ระดับปานกลางร้อยละ 9.0 และระดับต่ำร้อยละ 5.6 กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคดังกล่าวในภาพรวม 11 พฤติกรรม (พฤติกรรมบวก 8 และพฤติกรรมลบ 3 พฤติกรรม) ค่าคะแนนพฤติกรรมเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำ (เฉลี่ย 3.77 จากคะแนนเต็ม 8 คะแนน) โดยมี กลุ่มตัวอย่างที่มีคะแนนพฤติกรรมระดับสูง ร้อยละ 15.1 ระดับปานกลาง ร้อยละ 32.3 และระดับต่ำ ร้อยละ 52.6ผลการศึกษาครั้งนี้สรุปว่า ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเรื่องโรคและภัยสุขภาพในอัตราที่ค่อนข้างสูง มีความรู้เรื่องโรคและภัยสุขภาพโดยเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีพฤติกรรมสุขภาพโดยเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ จึงมีข้อเสนอแนะให้มีการปรับปรุงวิธีการดำเนินงานสื่อสารสาธารณะให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น ปรับปรุงช่องทางการสื่อสาร เนื้อหาสาระของสาร และยุทธวิธีการสื่อสาร
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี ; 2550
2. พรทิพย์ วิริยานนท์, ศรีพร ศรีวงศ์พุก, ฉันทนา เจนศุภเสรี และคณะ. Strategy Map กรมควบคุมโรค ปี 2550-2553 ทิศทางและกลไกการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ กรมควบคุมโรค ปี 2551. กองแผนงาน กรมควบคุมโรค ; 2551. ไม่ปรากฏแหล่งพิมพ์
3. สิริกุล วงษ์สิริโสภาคย์ , มนต์ชัย รัตนเศวตศักดิ์ , วิไล ชูเกียรติศิริ. การประเมินผลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการ ป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพปี 2548. รายงานการวิจัย สำนักงานเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค. เอกสารเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต http://www.pr-ddc.com/uploads/year2548.doc
4. วิไล ชูเกียรติศิริ , สิริกุล วงษ์สิริโสภาคย์ , สุภาภรณ์ สิงห์โต. การศึกษาการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเรื่องโรคและภัยสุขภาพ ของประชาชนในกรุงเทพมหานครปี 2549. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี 2550; 5: 65-73.
5. สำนักงานเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค. รายงานผลการดำเนินงานเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ปี 2550; 255. ไม่ปรากฏแหล่งพิมพ์
6. อัจฉริยา ดุลกาญจน์ , มารดี วิทยดำรงชัย. การประเมินผลสื่อที่ใช้ในการดำเนินงานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ด้านสาธารณสุขในจังหวัดนครพนม. รายงานการวิจัยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม, 2537. ไม่ปรากฏแหล่งพิมพ์
7. สายสมร กมลเพ็ชร, นัชชา พรหมพันใจ, วีรศักดิ์ คงสืบชาติ, สุพรรณี เจริญวงศ์เพ็ชร, นิ่มนวล พรายน้ำ, ฉัตรพิมล ชุนประสาน. ประสิทธิผลการประยุกต์ใช้การตลาดเชิงสังคมในการส่งเสริมการรับบริการอดบุหรี่ของกลุ่มทหารชั้นประทวน ในค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา. วารสารควบคุมโรค 2550; 33: 81-91.
8. กองแผนงาน กรมควบคุมโรค. การสำรวจพฤติกรรม การสวมหน้ากาก อนามัยในการป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจในกลุ่มนักเรียน ครูเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และประชาชนทั่วไป; 2549. ไม่ปรากฏแหล่งพิมพ์
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


