สถานะสุขภาพจิตและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในเขตสาธารณสุขที่ 14 พ.ศ. 2551
คำสำคัญ:
สถานะสุขภาพจิต, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2บทคัดย่อ
การสำรวจแบบภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานะสุขภาพจิตและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในเขตสาธารณสุขที่ 14 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์และชัยภูมิโดยกลุ่มตัวอย่าง 2,358 คนได้มาจากการสุ่มเลือกโรงเรียนมัธยมศึกษาเขตการศึกษาละ 1 โรงเรียน รวม 17 โรงเรียนเสร็จแล้วสุ่มเลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของแต่ละโรงเรียนมา จำนวนเท่าๆกัน โดยการสุ่มแบบมีระบบ (Systematic Random Sampling) จากเลขประจำตัวนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ทั้งโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้คือ ดัชนีชี้วัดสุขภาพจิตคนไทยฉบับสั้น 15 ข้อ (TMHI-15) ของกรมสุขภาพจิต ซึ่งทดสอบค่าสัมประสิทธิ์ความน่าเชื่อถือแบบแอลฟา (Cronbach's alpha coefficient)ได้เท่ากับ 0.81 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ความถี่ ร้อยละ และสถิติเชิงอนุมานได้แก่ Chi- Square test ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายร้อยละ 42.4 เพศหญิงร้อยละ 57.6 อยู่ในช่วงอายุ 14 ปีมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 61.9 พักอาศัยอยู่กับพ่อแม่ร้อยละ 83.5 ผลการเรียนส่วนใหญ่อยู่ในระดับคงที่ ร้อยละ 48.9 และสัมพันธภาพในครอบครัวส่วนใหญ่อยู่ในระดับปกติร้อยละ 69.2 จากการวิเคราะห์พบว่านักเรียนร้อยละ 24.0 มีสถานะสุขภาพจิตต่ำกว่ามาตรฐานซึ่งมีความสัมพันธ์กับเพศ ผู้ที่นักเรียนพักอาศัยอยู่ด้วย แนวโน้มผลการเรียน สัมพันธภาพในครอบครัว เรื่องที่ไม่สบายใจและผู้ที่เด็กปรึกษาปัญหาเป็นคนแรก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ดังนั้นโรงเรียนควรให้ความสำคัญเรื่องปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น ครูและผู้ปกครองต้องให้ความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด การแก้ไขปัญหาต้องคิดให้ครบวงจรโดยโรงเรียนต้องมีระบบให้คำปรึกษาที่เหมาะสมตลอดจนสร้างความรู้ความเชี่ยวชาญให้ครูและชุมชนมีการเฝ้าระวังปัญหาอย่างใกล้ชิด
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์. พัฒนาการของวัยรุ่น. ศูนย์สร้างเสริมสุขภาพวัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). กรุงเทพฯ. 2551: 7-17.
3. Murray JL, Lopez AD. The global burden of diseases: a comprehensive assessment of mortality and disability from diseases, injuries, and risk factors in 1990 and projected to 2020. Cambridge: MA: Cambridge University Press, 1996.
4. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. สุขภาพคนไทย 2546 . บริษัทอมรินทร์ พรินติ้งแอนด์พับลิชชิ่งจำกัด (มหาชน) . กรุงเทพฯ. 2547: 28-29, 89-91.
5. สกล ด่านภักดี. สุขภาพจิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. 1999; 44 (3): 213-227.
6. ดวงเดือน พันธุมนาวิน. ทฤษฎีต้นไม้จริยธรรมการวิจัยและการพัฒนาบุคคล. โครงการส่งเสริมเอกสารวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเทพฯ. 2539: 1-16.
7. รายงานการเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม : พฤติกรรมเสี่ยงของเด็กในจังหวัดนครพนม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.กรุงเทพฯ. 2548: 20-21.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


