การสร้างเครือข่ายการจัดการสารเคมีอันตรายภาคตะวันออกโดยกระบวนการมีส่วนร่วม

ผู้แต่ง

  • หรรษา รักษาคม สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดชลบุรี กรมควบคุมโรค
  • พูนศักดิ์ ศรีประพัฒน์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดชลบุรี กรมควบคุมโรค
  • ชะฎายุทธ์ ปัทเมฆ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดชลบุรี กรมควบคุมโรค

คำสำคัญ:

เครือข่ายการจัดการสารเคมีอันตราย, กระบวนการมีส่วนร่วม

บทคัดย่อ

การศึกษานี้เป็นการวิจัยและพัฒนาโดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1) เตรียมการและวางแผน 2) ดำเนินการ และ 3) ประเมินผล มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายการจัดการสารเคมีอันตรายภาคตะวันออกโดยกระบวนการมีส่วนร่วมในภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน เลือกตัวอย่างแบบเจาะจง คือ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสารเคมีอันตรายโดยสมัครใจ ใน 2 จังหวัด คือ ชลบุรีและระยอง ศึกษาตั้งแต่เมษายน 2549 - ตุลาคม 2550 เก็บข้อมูลโดยการบันทึกกิจกรรม แบบประเมินพฤติกรรมการมีส่วนร่วม วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยค่าร้อยละ ผลการวิจัยพบว่า ขั้นตอนการวิเคราะห์สถานการณ์และวางแผนได้กรอบแนวคิดและขั้นตอนการสร้างเครือข่าย 4 ขั้นตอน 5 ลักษณะกิจกรรมส่วนขั้นดำเนินการพบมีสมาชิก 38 หน่วยงาน การดำเนินกิจกรรมเป็นไปตามแผนงาน และพบว่ากิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการโดยกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมโดยเทคนิค Appreciate Influence Control และ future search conference และกิจกรรมการจัดทำคู่มือทางวิชาการสำหรับผู้ปฏิบัติงานและประชาชน สมาชิกมีพฤติกรรมการมีส่วนร่วมระดับมาก ร้อยละ 93.0 และ 82.6 ปานกลาง ร้อยละ 7.0 และ 17.4 ตามลำดับ ขั้นประเมินผลพบว่ามีปัจจัยนำเข้าและกระบวนการที่ดี บรรลุตามวัตถุประสงค์ ปฏิบัติได้ตามแผน กิจกรรมมีประโยชน์ต่อเครือข่ายและเหมาะสมกับปัญหาพื้นที่ ปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ การประสานเครือข่ายการมีกิจกรรมร่วมกันสม่ำเสมอ การมีผลผลิตของงานและการใช้ประโยชน์ร่วมกัน อุปสรรค คือ การเปลี่ยนแปลงบุคลากรและความไม่ต่อเนื่องของบางกิจกรรม ข้อเสนอแนะ คือ ควรสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายในมิติของความยั่งยืนและการขยาย ผลการมีส่วนร่วมเครือข่ายสู่ภาคประชาชนรวมถึงการนำเทคนิคการสร้างเครือข่ายไปใช้ต่อการแก้ปัญหางานสาธารณสุขด้านอื่น

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. แผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2525 - 2529). กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ; 2526.

2. Thailand National Chemicals Management Profile 2005. ปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการจัดการสารเคมีของประเทศไทย. [26 เมษายน 2550]; แหล่งข้อมูล: URL; http://ipcs.fda.moph.go.th/e_ipcs/thai/pro file/2005/chap3.htm? 2005= chap3

3. วิชัย สติมัย, หรรษา รักษาคม, ณรงค์ เนตรสาวิกา, ชะฎายุทธ์ ปัทเมฆ, พูนศักดิ์ ศรีประพัฒน์. รายงานการศึกษาการสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายการจัดการสารเคมีอันตรายภาคตะวันออก ชลบุรี: สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดชลบุรี; 2550.

4. นลินี ศรีพวง, รัชนีกร ชมสวน, สมเกียรติ ท้วมแสง. กรณีศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบการเฝ้าคุม/การเฝ้าระวังโรค จากการประกอบอาชีพที่สัมผัสกับสารทำละลายในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรม รถยนต์. นนทบุรี: กองอาชีวอนามัย กรมอนามัย; 2540.

5. สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. แนวทางการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพอนามัยต่อประชากรที่อาศัย อยู่โดยรอบโรงงานอุตสาหกรรมประเภทเคมี ปิโตรเคมี ปิโตรเลียม. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม; 2546.

6. สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม. โครงการศึกษาและพัฒนาแนวทางการควบคุมป้องกัน และแก้ไขปัญหาเหตุรำคาญและอุบัติภัยจากมลพิษ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล ตะวันออกและนิคมอุตสาหกรรม. นนทบุรี: กรมอนามัย; 2544.

7. Thailand Focal Point for IPCS/IFCS. Food and Drug Administration, Thailand. [cited 2007 March 9]; Available from: URL; http://www2.fda.moph.go.th/ipcs/ipcs/tcsnet.asp

8. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี. แผนยุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2550 -2554) พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด; 2550.

9. นิตยา เงินประเสริฐศรี. การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ 2544; 2: 61-62.

10. เชาวฤทธิ์ จงเกษกรณ์. การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำ: กรณีศึกษาชุมชนลุ่มน้ำสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี. (วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2552.

11. Cohen J and Uphoff NT. Participation a place in rural development :Seeking Claify through specificity. World Development 1980: 110-115.

12. Erwin,W. Participation management: Concept, Theory and implementation. Atlanta: Georgia State University;
1967.

13. นฤมล นิราทร. การสร้างเครือข่ายการทำงาน: ข้อควรพิจารณาบางประการ. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์; 2543.

14. ปุสตี มอนซอน. สกรรจ์ พรหมศิริ. ญาณีกรณ์ ธรรมโชติ. ดลทิพย์ พืชผลเจริญ. โครงการวิจัยและพัฒนาชีวิต สาธารณะ-ท้องถิ่นน่าอยู่ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. กรอบแนวคิดการประเมินศักยภาพเครือข่ายสังคม. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: พี.เอ.ลิฟวิ่ง; 2547.

15. กาญจนา แก้วเทพ. เครื่องมือการทำงานแนววัฒนธรรมชุมชน. กรุงเทพมหานคร:สภาคาทอลิกแห่งประเทศไทยเพื่อการพัฒนา; 2538.

16. วนิดา วิระกุล. รายงานการประเมินผลการประเมินศักยภาพและการมีส่วนร่วมของเครือข่ายเลปโตสไปโรซิส ระดับตำบล. ขอนแก่น: คลัง นานาวิทยา; 2545.

17. ปาน กิมปี. การพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้การศึกษานอก โรงเรียนเพื่อการพึ่งตนเองของชุมชน. (วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2540.

18. ประหยัด จตุพรพิทักษ์กุล. เครือข่ายการเรียนรู้เกี่ยวกับระบบเกษตรกรรมทางเลือกของชุมชน. (วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2538.

19. วิมลลักษณ์ ชูชาติ. การนำเสนอรูปแบบของกระบวนการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎี บัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2540.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

31-03-2010

รูปแบบการอ้างอิง

1.
รักษาคม ห, ศรีประพัฒน์ พ, ปัทเมฆ ช. การสร้างเครือข่ายการจัดการสารเคมีอันตรายภาคตะวันออกโดยกระบวนการมีส่วนร่วม. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 31 มีนาคม 2010 [อ้างถึง 30 ธันวาคม 2025];36(1):10-8. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/155876

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ