การคัดกรองและควบคุมวัณโรคในเรือนจำจังหวัดแพร่
คำสำคัญ:
วัณโรค, เรือนจำ, การคัดกรองวัณโรคบทคัดย่อ
ตามที่ได้มีการวางยุทธศาสตร์ในการควบคุมการระบาดวัณโรคภายในประเทศไทย โดยเน้นการคัดกรองวัณโรคในกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในเรือนจำ โรงพยาบาลแพร่ร่วมกับเรือนจำจังหวัดแพร่ ได้คัดกรองวัณโรคในกลุ่มผู้ต้องขังเพื่อค้นหาผู้ป่วยวัณโรค ศึกษาลักษณะทางระบาดวิทยา อัตราเสี่ยงการเกิดวัณโรคในเรือนจำเทียบกับในชุมชน และดำเนินมาตรการควบคุมป้องกันวัณโรค การศึกษานี้เป็นแบบระยะสั้นเชิงวิเคราะห์ (Cross-sectional analytic study) ระหว่าง ตุลาคม 2551 - มีนาคม 2552 คัดเลือกกลุ่มเสี่ยงป่วยวัณโรคโดยใช้แบบสอบถาม เมื่อได้กลุ่มเสี่ยง ทำการเก็บเสมหะส่งตรวจAFB เอ๊กซเรย์ปอดแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ และรักษาผู้ที่มีผลเสมหะบวก หรือผลเอ๊กซเรย์เข้าได้กับวัณโรคปอด DOT โดยพยาบาลเรือนจำร่วมกันจัดประชุมให้ความรู้การควบคุมป้องกันวัณโรคแก่เจ้าหน้าที่เรือนจำและผู้ต้องขังทั้งหมด และวางแนวทางคัดกรองวัณโรคแก่ผู้ต้องขังรายใหม่ วิเคราะห์ค่าความชุกวัณโรค (Prevalence) อัตราอุบัติการณ์วัณโรค (Incidence) อัตราเสี่ยง (Relative risk) การเกิดวัณโรคในเรือนจำ เปรียบเทียบกับในชุมชน ผลการศึกษาพบว่า มีผู้ต้องขังตอบแบบสอบถามคัดกรองความเสี่ยงวัณโรค 705 คน เป็นเพศชาย 615 คน ร้อยละ 87.23 และเพศหญิง 90 คน ร้อยละ 12.77 พบผู้ต้องขังเสี่ยงกับการป่วยเป็นวัณโรค 182 คน ร้อยละ 25.82 พบความชุกวัณโรคในเรือนจำ (Prevalence) เท่ากับ 19.86/1,000/ปี และอัตราอุบัติการณ์วัณโรค (Incidence) เท่ากับ 11.35/1,000/ปี มีผู้ต้องขังส่งตรวจเสมหะ 107 คน เนื่องจากผู้ต้องขังรายอื่นไม่ไอและไม่มีเสมหะ ผลเสมหะเป็นบวก 2 คน มีผู้ต้องขังเอ๊กซเรย์ปอด 182 คน ผลเอ๊กซเรย์ปอดผิดปกติ 16 คน แบ่งเป็นวัณโรครายเก่า 6 คน ผู้ป่วยภาพรังสีทรวงอกผิดปกติที่มีลักษณะไม่เหมือนวัณโรคปอด 1 คน ผู้ป่วยถุงลมโป่งพองเรื้อรัง 1 คน และผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ 8 คน ผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ทุกคนเป็นเพศชาย และมีผลเอ๊กซเรย์ปอดผิดปกติ (เสมหะบวก 2 คน เสมหะลบ 6 คน) และพบอัตราเสี่ยงการเกิดวัณโรคในกลุ่มผู้ต้องขัง มากขึ้นเป็น 7.99 เท่าของประชาชนทั่วไปที่อยู่ในชุมชน (3.62 < RR < 16.88) โดยสรุปความชุกของวัณโรค และอัตราอุบัติการณ์วัณโรคในเรือนจำจังหวัดแพร่สูงกว่าในชุมชน และผู้ต้องขังในเรือนจำมีโอกาสเป็นวัณโรคมากเป็น 7.99 เท่าของประชาชนทั่วไปที่อยู่ในชุมชน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการคัดกรองวัณโรคในเรือนจำเพื่อค้นหาผู้ป่วยและให้การรักษาช่วยลดระยะเวลาการแพร่กระจายเชื้อในเรือนจำ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
1999; 282(7): 677-86.
2. Chee CB, Teleman MD, Boudville IC, Wang YT. Contact screening and latent TB infection treatment in Singapore correctional facilities. Int J Tuberc Lung Dis. 2005; 9(11): 1248-52.
3. Legrand J, Sanchez A, Le Pont F, Camacho L, Larouze B. Medeling the Impact of Tuberculosis Control Strategies in Highly Endemic Overcrowded Prisons. PLoS One. 2008; 3(5): e 2100.
4. Habeenzu C, Mitarai S, Lubasi D, et al.Tuberculosis and multiple resistance in Zambian prisons, 2000-2001. Int Tuberc Lung Dis. 2007; 11(11): 1216-20.
5. World Health Organization. Global tuberculosis control, country profile Thailand report 2008.
6. Jittimanee SX, Ngamtrairai N, White MC, Jittimanee S. A prevalence survey for smearpositive teberculosis in Thai prisons. Int J Tuberc Lung Dis. 2007; 11(5): 556-61.
7. Pleumpanupat W, Jittimanee S, Akarasewi P, Rienthong S, Chiewlian Y, Phumpuk S, Malainual C, Ngamtrairai N, Adedipe A. Resistance to anti-tuberculosis drugs among smearpositive cases in Thai prisons 2 years after the implementation of the DOTS strategy. Int J Tuberc Lung Dis. 2003; 7(5): 472-7.
8. Sretrirutchai S, Silapapojakul K, Palittapongarnpim P, Phongdara A, Vuddhakul V. Tuberculosis in Thai prisons: magnitude, transmission and drug susceptibility. Int J Tuberc Lung Dis. 2002; 6(3): 208-14.
9. Aerts A, Hauer B, Wanlin M, Veen J. Tuberculosis and tuberculosis control in European prisons. Int J Tuberc Lung Dis. 2006; 10(11): 1215-23.
10. World Health Organization. Global tuberculosis control report 2008.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


