ปัจจัยทางประชากร ระยะการดำเนินของโรคกับ การรับประทานยาต้านไวรัสสม่ำเสมอของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์

ผู้แต่ง

  • พรศิริ เรือนสว่าง สถาบันบำราศนราดูร
  • สุกัญญา จงถาวรสถิตย์ สถาบันบำราศนราดูร
  • วิศิษฏ์ ประสิทธิศิริกุล สถาบันบำราศนราดูร
  • กรุณา ลิ้มเจริญ สถาบันบำราศนราดูร
  • กรุณา ลิ้มเจริญ สถาบันบำราศนราดูร
  • เกศกนก เมืองไพศาล โรงพยาบาลลพบุรี
  • เยาวลักษณ์ สิริวโรทัย โรงพยาบาลสันป่าตอง

คำสำคัญ:

ปัจจัยทางประชากร, ระยะการดำเนินของโรค, การรับประทานยาต้านไวรัสสม่ำเสมอ, ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์

บทคัดย่อ

โครงการ The Progress ซึ่งเป็นฐานข้อมูลด้านคลินิกของโดยผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่เข้ารับการรักษาครั้งแรกในสถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลลพบุรี และโรงพยาบาล สันป่าตอง ในปี 2551 วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางประชากร ระยะการดำเนินของโรคกับการรับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ มีกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 3,622 ราย ตัวแปรอิสระ ได้แก่ โรงพยาบาล เพศ อายุ สถานภาพสมรส การศึกษา อาชีพ รายได้ ดัชนีมวลกาย (BMI) ประวัติการสูบบุหรี่ ระยะการดำเนินของโรค และระดับ CD4 ตัวแปรตามคือ การรับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางประชากร ระยะการดำเนินของโรค กับการรับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ โดยใช้สถิติ Multiple Logistic Regression ผลการศึกษา พบว่าผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่รับการรักษาที่โรงพยาบาลสันป่าตอง และโรงพยาบาลลพบุรี มีโอกาสที่จะรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอเป็น 33.9 เท่า และ 6.3 เท่าตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่รับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในช่วงอายุ 25-34 ปี 35-44 ปี และ 45 ปีขึ้นไป โอกาสที่จะรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอมากกว่าคนที่ติดเชื้อเอชไอวีในช่วงอายุ 18-24 ปี ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่เป็นเพศหญิง โอกาสที่จะรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอเป็น 1.19 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่เป็นเพศชาย และผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่สมรสแล้วมี โอกาสที่จะรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ 1.2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่โสด ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่ไม่ได้เรียน โอกาสที่จะรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอมากกว่าผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่จบการศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมเป็นต้นไป ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ โอกาสที่จะรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอมากกว่าผู้ติดเชื้อที่มีอาการและผู้ป่วยเอดส์ ดังนั้นการดูแลรักษาเพื่อให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์รับประทานยาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอนั้น ควรคำนึงถึงปัจจัยทางประชากรและอาการของโรค โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อที่มีอาการและผู้ป่วยเอดส์ โอกาสที่จะรับประทานยาไม่ต่อเนื่อง ควรเน้นการให้ความรู้ ทัศนคติ การปฏิบัติตัวและให้กำลังใจการรักษาอย่างต่อเนื่อง

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. Shechter SM, Bailey MD, Schaefer AJ, Roberts MS. The optimal time to initiate HIV therapy under ordered health states. Operations Research 2008; 56(6): 1428 - 49.

2. Paterson D, Swindells S, Mohr J, Brester M, Vergis EN, et al. Adherence to protease inhibitor therapy and outcomes in patients with HIV infection. Ann Intern Med 2000; 133:21-30.

3. http://www.kaewdiary.com/webboard/show.php?CatelD=&No=33436. ทำไม Adherence จึงมีความสำคัญมากต่อการใช้ยาต้านไวรัสเอดส์. Available online; Wed 04 Jul 2550.

4. สำนักการพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยโรคเอดส์. โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์. กรุงเทพมหานคร. 2546.

5. King W D, Minor P, Ramirez Kitchen C, Or? LE, Shoptaw S, Victorianne G D, Rust G. Racial, gender and geographic disparities of antiretroviral treatment among US medical enroles in 1998. J Epidemiol Community Health 2008; 62:798-803.

6. เยาวเรศ ดีคง. ปัจจัยของผู้ดูแลที่มีผลต่อการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอของผู้ป่วยที่รับประทานยาต้านไวรัสเอดส์. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหิดล. 2547.

7. สมจิตร์ ตุลาทอง. ปัจจัยที่มีผลต่อการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ของผู้ป่วยที่รับประทานยาต้านไวรัสเอดส์. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหิดล. 2547.

8. Wang X, Wu Z. Factors associated with adherence to antiretroviral therapy among HIV/AIDS patients in rural China. AIDS 2007; Suppl 8:S149-55.

9. อภินันท์ จิรจริต. การศึกษาการติดตามการรับประทานยาต้านเชื้อไวรัสในผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีของโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช. ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย. http://www.thaipediatrics.org/detail_journal.php?
journal_id=127. Available online; 09/02/2553.

10. Arrivillaga M, Ross M, Useche B, Alzate ML,Correa D. Social position, gender role, and treatment adherence among Colombian women living with HIV/AIDS: social determinants of health approach. Rev Panam Salud Publica 2009; 26(6): 502-10.
11. Mannheimer SB, Mukherjee R, Hirschhorn LR, Dougherty S, Celano sa, Ciccarone D, et al. The case adherence index: A novel method for measuring adherence to antiretroviral therapy. AID CARE 2006; 18(7): 853-61.

12. Nsimba S, Irunde H, Comoro C. Barriers to ARV adherence among HIV/AIDS positive persons taking anti-retroviral therapy in two Tanzanian regions 8-12 months after program initiation. http://www.omicsonline.org/2155-6113/2155-6113-1-111.php. Available online; doi:10.4172/2155-6113.1000111.

13. Ahianba JE, Dimuna KO, Okogun RA. Built environment decay and urban health in Nigeria. J. Hum. Ecol 2008; 23(3): 259-65.

14. Nunes AA, de Melo IM, da Silva AL, Rezende L dos S, Guimaraes PB, Silva-Vergara ML. Hospitalizations for HIV/AIDS: differences between sexes. Gend Med 2010; 7(1):28-38.

15. Jani AA. Ed. Adherence to HIV treatment regimens: Recommendations for best practices. Washington, DC: American Public Health Association 2002.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

31-03-2011

รูปแบบการอ้างอิง

1.
เรือนสว่าง พ, จงถาวรสถิตย์ ส, ประสิทธิศิริกุล ว, ลิ้มเจริญ ก, ลิ้มเจริญ ก, เมืองไพศาล เ, สิริวโรทัย เ. ปัจจัยทางประชากร ระยะการดำเนินของโรคกับ การรับประทานยาต้านไวรัสสม่ำเสมอของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 31 มีนาคม 2011 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];37(1):18-26. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/155596

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ