การพัฒนาการจัดบริการอาชีวอนามัยในสถานีอนามัยสำหรับแรงงานนอกระบบ
คำสำคัญ:
การจัดบริการอาชีวอนามัย, แรงงานนอกระบบบทคัดย่อ
ประเทศไทยมีแรงงานนอกระบบมากกว่าร้อยละ 60 ของผู้ทำงาน มีปัญหาสภาพแวดล้อม และความปลอดภัยในการทำงานโดยไม่มีหลักประกันทางสังคม การศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการจัดบริการอาชีวอนามัยที่สถานีอนามัยสำหรับแรงงานนอกระบบในปีงบประมาณ 2551-2552 โดยคัดเลือกเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย กลุ่มแรงงานนอกระบบ 12 กลุ่มในพื้นที่ 4 แห่งของอำเภอโพธาราม อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ใช้เทคนิคกระบวนวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม สัมภาษณ์เจาะลึก แกนนำหมู่บ้าน และตัวแทนกลุ่ม อบรมเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยและผู้ที่เกี่ยวข้องโดยใช้หลักสูตรการจัดบริการอาชีวอนามัยขั้นพื้นฐาน 4 วัน ฝึกเดินสำรวจสถานที่ทำงาน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบประเมินสุขภาพผู้ทำงาน แบบสำรวจสิ่งคุกคาม และประเมินความเสี่ยง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพแบบอุปนัย และข้อมูลเชิงปริมาณโดยการแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ผลการศึกษา พบว่าเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยสามารถจัดบริการอาชีวอนามัยเชิงรับ และเชิงรุกโดยการตรวจสุขภาพทั่วไป ตรวจคัดกรองโรคจากการทำงานเบื้องต้น เช่นการเจาะเลือดจากปลายนิ้วมือหาระดับเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรส เป็นต้น ดูแลรักษาให้สุขศึกษา เดินสำรวจสถานที่ทำงานเพื่อประเมินสิ่งคุกคามอันตรายต่อแรงงาน จัดทำข้อมูลสุขภาพทั่วไป การเจ็บป่วย บาดเจ็บ และอุบัติเหตุจากการทำงานในแฟ้มสุขภาพครอบครัว และมีข้อมูลสิ่งคุกคาม อันตรายต่อแรงงานที่นำไปใช้ปรับปรุงสภาพแวดล้อม และพฤติกรรมการทำงานที่ไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการสร้างอาสาสมัครอาชีวอนามัย(อสอช) ทำหน้าที่ให้สุขศึกษาด้านอาชีวอนามัยง่ายๆ และประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มอาชีพ ผลที่ได้จากการศึกษานี้สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางการจัดบริการอาชีวอนามัยที่สถานีอนามัยที่จะยกระดับเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในอนาคต ควรมีการศึกษาการจัดบริการอาชีวอนามัยในหน่วยบริการสาธารณสุขในทุกระดับ และครอบคลุมทุกกลุ่มแรงงาน
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. Siriruttanapruk S, Anantagulnathi P.Occupational health and situation and research priority in Thailand. Industrial Health 2004; 42: 135-40.
3. Siriruttanapruk S. Improving occupational health of farmers through primary health care units in rural districts in Thailand. Asian-Pacific Newslett on Occup Health and Safy 2007; 14: 62-5.
4. Siriruttanapruk S. Situation of occupational health services in Thailand. Asian-Pacific Newslett on Occup Health and Safy 2009; 16: 28-9.
5. Siriruttanapruk S, Wada K, Kawakami T. Promoting occupational health services for workers in the informal economy through primary care units. ILO Subregional Office for East Asia. Bangkok: ILO; 2009.
6. World Health Organization. Workers'health : global plan of action,sixtieth World Health Assembly. Geneva: WHO; 2007.
7. World Health Organization. Healthy workplaces:a model for action: for employers, workers, policymakers and practitioners. Geneva: WHO; 2010.
8. สมเกียรติ ศิริรัตนพฤกษ์, ศิริวรรณ ฉันเจริญ, เพ็ญศรี อนันตกุลนธี, นลินี ศรีพวง. รายงานการศึกษาเรื่องโครงการพัฒนาภาคีเครือข่ายทางด้านระบบข้อมูลข่าวสารทางด้านอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข;2551.
9. สำนักพัฒนาวิชาการและนิเทศงาน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ.นำร่อง สอ.2000 แห่ง สู่ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล เน้นบทบาท "สร้างนำซ่อม" ลดปัญหาคนไข้ล้น.วารสารวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 2552;21:3-5.
10. สำนักงานกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน. โรคอื่นๆซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากงาน. ใน: โยธิน เบญจวัง,วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ์, บรรณาธิการ, มาตรฐานการวินิจฉัยโรคจากการทำงาน ฉบับเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550. (เอกสารอัดสำเนา)
11. อดุลย์ บัณฑุกุล. อาชีวเวชศาสตร์และศูนย์อาชีวเวชศาสตร์ โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี. ใน:สมชัย บวรกิติ, โยธิน เบญจวัง, ปฐมสวรรค์ ปัญญาเลิศ ,บรรณาธิการ, ตำราอาชีว เวชศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: เจ เอส เค การพิมพ์; 2542. น1-14.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


