พฤติกรรมเสี่ยงร่วมสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของประชากรไทย ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนายุทธศาสตร์ป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มีประสิทธิภาพ
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2012.1คำสำคัญ:
พฤติกรรมเสี่ยงร่วม, โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง, นโยบาย ยุทธศาสตร์ป้องกันโรคไม่ติดต่อบทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ของพฤติกรรมเสี่ยงร่วมสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และภาระโรคจากพฤติกรรมและปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญโดยใช้วิธีการทบทวนเอกสาร (Documentary Research) เก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิจากรายงานผลการศึกษา การสำรวจ และรายงานการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้อง นำข้อมูลมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ จัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อพัฒนายุทธศาสตร์ป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผลการศึกษาพบว่า ยังมีประชากรไทยในสัดส่วนสูงที่มีภาระโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ทั้งระดับพฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงทางเมตาโบลิซึม/สรีรวิทยา และพบว่า ปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของการสูญเสียปีสุขภาวะในเพศชาย ได้แก่ ดื่มแอลกอฮอล์ รองลงมาคือ สูบบุหรี่ มีระดับความดันโลหิตสูง ผู้ใช้จักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย และมีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง ส่วนเพศหญิงมีปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดภาระโรคมากที่สุดเป็นอันดับแรก ได้แก่ มีภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน (ดัชนีมวลกายสูง) รองลงมาคือ มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย มีระดับความดันโลหิตสูง มีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง สูบบุหรี่ และบริโภคผักและผลไม้น้อย นอกจากนี้ยังพบว่า ปัจจัยเสี่ยงที่มีภาระโรคสูงที่สุด ได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสัมพันธ์กับโรคต่างๆ ในอันดับต้นๆ หลายโรคด้วยกัน เช่น โรคหลอดเลือดสมอง การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร โรคเบาหวาน โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ ที่มีความสัมพันธ์กับโรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รวมทั้งการมีภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน (ดัชนีมวลกายสูง) ที่มีความสัมพันธ์กับโรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน และโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นต้น เมื่อจำแนกพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงร่วมสำคัญที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง พบว่า คนไทยเกือบ 1 ใน 3 ที่ยังคงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีแนวโน้มการดื่มเพิ่มขึ้น สำหรับการสูบบุหรี่ พบว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อัตราการสูบบุหรี่มีแนวโน้มลดลง แต่ใน พ.ศ. 2554 กลับมีอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น ในด้านพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง คนไทยให้ความสำคัญกับการบริโภคผักและผลไม้ลดลงเรื่อยๆ ขณะที่หันมารับประทานอาหารรสหวาน มัน เค็ม มากขึ้น การออกกำลังกายลดลงกว่าปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 3 โดยมีเพียงไม่ถึง 1 ใน 3 ของประชากรไทยเท่านั้น ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ผลจากการศึกษาครั้งนี้ มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนายุทธศาสตร์ป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำผลจากการวัดสถานะสุขภาพด้วยวิธีดังกล่าว ไปใช้ในการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา และกำหนดยุทธศาสตร์ในการป้องกันและแก้ไขที่มีประสิทธิภาพทุกภาคส่วน จะต้องประสานความร่วมมือเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการป้องกันและแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างเร่งด่วน ด้วยการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและเพิ่มการเข้าถึงบริการสู่การปฏิบัติ โดยเร่งคัดกรองและค้นหากลุ่มเสี่ยง จัดและ/หรือปรับระบบบริการสุขภาพที่เอื้อต่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ผลักดันเชิงนโยบายให้มีการดำเนินงานเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนงาน/โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของประชาชน รวมถึงการรณรงค์สร้างกระแสสังคม และสื่อสารในการลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคและวิถีชีวิตอย่างต่อเนื่อง
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ. รายงานการสาธารณสุขไทย พ.ศ. 2551-2553. โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก. กรุงเทพฯ: 2555
3. ทักษพล ธรรมรังสี, ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฎ์, ประภาพรรณ เอี่ยมอนันต์, สิรินทร์ยา พูลเกิด, สุลัดดา พงษ์อุทธา, อรทัย วลีวงศ์ และอรรถยา ลิ้มวัฒนายิ่งยง. "ข้อจำกัดและโอกาสในการจัดการกับวิกฤตโรคเรื้อรังในประเทศไทยด้วยมาตรการระดับประชากร ตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก." ใน Journal of Health System Research. 2011; 5(4): 401-402.
4. สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ. "ภาระโรคและสุขภาพของประชากรไทย เพื่อก้าวใหม่กับการพัฒนาระบบสุขภาพ" เอกสารประกอบการสัมมนา สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาดัชนีการประเมินภาระโรคและสุขภาพของประชากรไทย วันที่ 15 สิงหาคม 2555 ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวชั่น กรุงเทพมหานคร. สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข.
5. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากร พ.ศ. 2547. กรุงเทพฯ : สำนักงานสถิติแห่งชาติ. 2547
6. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. สรุปผลการสำรวจเบื้องต้น การสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากร พ.ศ. 2544. กรุงเทพฯ : สำนักงานสถิติแห่งชาติ. 2554
7. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากร พ.ศ. 2550. กรุงเทพฯ : สำนักงานสถิติแห่งชาติ. 2550
8. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากร พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ : บริษัท เท็กซ์ แอนด์ เจอร์นัล พับลิเคชั่น จำกัด. 2555
9. สถิรกร พงศ์พานิช. รายงานการศึกษาเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในปัจจุบันและอนาคตทางด้านสุขภาพของโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ พ.ศ.2546. วิทยาลัยการสาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (เอกสารอัดสำเนา). 2546
10. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขและสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข. สำรวจสภาวะสุขภาพอนามัยของประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2546-7. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข.กรุงเทพฯ : สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์. 2550
11. สำนักสำรวจสุขภาพประชาชนไทย. รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2. สำนักสำรวจสุขภาพประชาชนไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข. กรุงเทพฯ : เดอะ กราฟิโก ซิสเต็มส์ จำกัด. 2555
12. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2555). การเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ การออกกำลังกายไม่ถูกต้อง การรับประทานอาหารหวาน มัน เค็ม ผักผลไม้ไม่เพียงพอ และการสูบบุหรี่/ดื่มสุรา. กลุ่มพัฒนาการเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (เอกสารอัดสำเนา).
13. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2552). การสำรวจความคิดเห็นและทัศนคติทางสังคมรายไตรมาส เรื่องโรคอ้วนกับสังคมไทย พ.ศ. 2550. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (เอกสารอัดสำเนา).
14. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. รายงานผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง. (เอกสารอัดสำเนา). ม.ป.ป.
15. ปิยะมิตร ศรีธรา. โครงการทบทวนและปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์การวิจัยสุขภาพไทย พ.ศ. 2546. กลุ่มวิจัยโรคหัวใจและหลอดเลือด คณะแพทยศาสตรรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. 2546
16. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสำรวจพฤติกรรมการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายของประชากรอายุ 11 ปีขึ้นไป พ.ศ. 2546. กรุงเทพฯ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ. 2546
17. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสำรวจพฤติกรรมการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายของประชากรอายุ 11 ปีขึ้นไป พ.ศ. 2547. กรุงเทพฯ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ. 2547
18. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสำรวจพฤติกรรมการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายของประชากรอายุ 11 ปีขึ้นไป พ.ศ. 2550. กรุงเทพฯ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ. 2550
19. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสำรวจพฤติกรรมการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายของประชากรอายุ 11 ปีขึ้นไป พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ เจียฮั่ว. 2554
20. กองโภชนาการ กรมอนามัย. ผลการสำรวจปริมาณการบริโภคโซเดียมคลอไรต์ของประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : กองโภชนาการ กรมอนามัย. 2552
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


