การเปลี่ยนแปลงผลการตรวจเชื้อจากรอยโรคผิวหนังผู้ป่วยโรคเรื้อนใหม่ชนิดเชื้อมาก หลังรับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดผสมครบ 1 ปี และ 2 ปี

ผู้แต่ง

  • ธีระ รามสูต สถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค
  • ทวีฤทธิ์ สิทธิเวคิน สถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค
  • โกเมศ อุนรัตน์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5

คำสำคัญ:

การตรวจเชื้อจากรอยโรค, ผู้ป่วยโรคเรื้อนใหม่, การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดผสม

บทคัดย่อ

เป็นการศึกษาเชิงพรรณาแบบย้อนหลังผลการตรวจเชื้อในผู้ป่วยชนิดเชื้อมาก (MB) ใหม่ 100 รายที่มารับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดผสม (MDT) ระหว่างปี พ.ศ. 2550 - 2554 จัดเป็นชนิด BT 13 ราย BB 12ราย BL 37 ราย และ LL 38 ราย โดยผู้ป่วยกลุ่มละ 50 ราย สองกลุ่มมีผลการตรวจเชื้อ (B.I.) สูงและต่ำกว่า 4.0ผลการศึกษาพบว่าในผู้ป่วยชนิดเชื้อมาก 100 ราย มีผลการตรวจเชื้อ (B.I.) ก่อนรับยา MDT ระหว่าง 0.25 -5.25 (เฉลี่ย 2.47) และหลังรับยา MDT ครบ 1 และ 2 ปี B.I. ลดลงร้อยละ 25.50 และ 44.53 ตามลำดับส่วนการเปรียบเทียบระหว่างผู้ป่วยเชื้อมาก (MB) กลุ่มละ 50 คน ที่ผลการตรวจเชื้อ (B.I.) ต่ำกว่า 4 และสูงกว่า4 พบว่า หลังรับยา MDT ครบ 1 และ 2 ปี B.I. ลดลงร้อยละ 19.05 / 37.14 และร้อยละ 30.25 / 48.76ตามลำดับ ผู้วิจัยยังได้วิเคราะห์การลดต่ำของ B.I. ในผู้ป่วยชนิด BT BB BL และ LL หลังรับยา MDT ครบ 1และ 2 ปี และได้สรุปวิจารณ์ผล และให้ข้อเสนอในการลดระยะเวลาการรักษาด้วยยา MDT ในผู้ป่วยเชื้อมากชนิดBT จาก 2 ปี เป็น 1 ปี และเพิ่มระยะเวลาติดตามตรวจเชื้อผู้ป่วยเชื้อมาก หลังหยุดยา MDT จาก 5 ปี เป็น 12 ปีเพื่อค้นหาผู้ป่วยที่กลับเป็นใหม่ (Relapse) เพื่อรักษาก่อนจะแพร่โรคมากขึ้นหลังกำจัดโรคเรื้อนได้สำเร็จแล้ว

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. ธีระ รามสูต. โรคเรื้อนในระยะบุกเบิก. ในมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์. บรรณาธิการ.ราชประชาสมาสัย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช. 2535. น. 45 - 53.

2. ธีระ รามสูต. 40 ปี ของการบุกเบิก และพัฒนาสู่ความสำเร็จของการกำจัดโรคเรื้อนในประเทศไทย.กรุงเทพฯ: ศรีเมืองการพิมพ์ 2540.

3. ธีระ รามสูต. 44 ปี แห่งการสืบสานโครงการควบคุมโรคเรื้อนตาม แนวพระราชดำริสู่ความสำเร็จการกำจัดโรคเรื้อน อย่างยั่งยืนสมดังพระราช ปณิธาน.
กรุงเทพฯ: บริษัทมาสเตอร์คีย์จำกัด, 2554.

4. Ramasoota T, Rungruang S, Sampatavanich S. et al.Preliminary study on Dapsone Resistance in Thailand. Journal of Public Health, 1983; 2 : 115 - 117.

5. ธีระ รามสูต. แนวคิดการดื้อยาแด็บโซนของเชื้อ
โรคเรื้อนและวิธีป้องกันแก้ไข. วารสารโรคติดต่อ.
2522; 3 : 256 - 271.

6. World Health Organization. Chemotherapy of Lep246 Disease Control Journal Vol 38 No. 3 Jul- Sep 2012 Bacteriological index from slit skin smears of newly Multibacillary rosy For Control Program. Geneva : WHO. WHO Technical Report Series No. 675, 1992.

7. ธีระ รามสูต. ความก้าวหน้าและข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ยาเคมีบำบัดโรคเรื้อนผสมแบบใหม่ ตามข้อแนะนำขององคก์ ารอนามัยโลก. แพทยสภาสาร. 2530;10: 5 - 13.

8. ธีร ะ รามสูต. การรักษาโรคเรื้อนระยะสั้น . ในคลินิกโรคผิวหนัง. บรรณาธิการ. เวชปฏิบัติ. กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน. 2537 ; น. 117 - 125.

9. ศรีบุศย์ เทพศรี. การศึกษาผลกระทบทางระบาดวิทยาของการใชย้ าเคมีบำบัด แบบใหม่ ในการควบคุมโรคเรื้อนจังหวัดลำปาง. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2535;2: 40 - 50.

10. ศรีสุนทร วิริยะวิภาต รัชนี มาตยภ์ ูธร จิรพรรณ
ศรีพงศกร. ผลกระทบของยาเคมีบำบัดผสมต่อ
การลดต่ำ ของอัตราความชุก และการค้นพบผู้ป่วย
โรคเรอื้ นใหม ่ ในจังหวัดขอนแกน่ . วารสารโรคติดตอ่
2538; 2: 98 - 106.

11. ทัศนีย์ อินทราทิตย์. ผลกระทบของการใช้ยาเคมีบำบัดผสม ในระยะเวลา 5 ปีแรก ต่อการเปลี่ยนแปลงภาวะผู้ ป่วยโรคเรื้ อนในประเทศไทย.วารสารโรคติดตอ่ . 2537; 20: 21 - 30.

12. Noordeen SK. Elimination of Leprosy as a publichealth problem. Lepr Rev 1992; 63: 11 - 14.

13. ธีระ รามสูต. การพัฒนากลวิธีการดำเนินงานควบคุมโรคเรื้อน ในสภาวะความชุกของโรคลดลง.วารสารวิชาการสาธารณสุข 2539 ; 5 : 279 - 95.

14. สถาบันราชประชาสมาสัย. รายงานสถิติการควบคุมโรคเรอื้ นในประเทศไทยป  2554. เอกสารอัดสำเนา,2554.

15. WHO Expert Committee on Leprosy, Seventh Report.TRS 847, 1994.

16. Shortening Duration of Treatment of MultibacillaryLeprosy. WHO Weekly Epidemiological Record, May 1997.

17. Global Strategy for the Elimination of Leprosy as aPublic Health Problem. WHO/CTD/LEP/94.2

18. Managing Programmes for Leprosy Control. WHO Training Modules, 1993.

19. Elimination of Leprosy. Questions and Answers. WHO/CTD/LEP/96.4.

20. MDT - Questions and Answers. WHO/CTD/LEP/ 97.8

21. A Guide to Elimination of Leprosy as a Public Health Problem. Second Edition 1997. WHO/LEP/97.7.

22. Guide for General Health Workers to Eliminate Leprosy as a Public Health Problem. First Edition. 2000. CDS/CPE/CEE/2000.

23. Ridley DS, Jopling WH. Classification of Leprosy According to Immunity : a five group system. International Journal of Leprosy. 1966; 34: 255 - 273.

24. Ridley DS. Histological Classification and the Immunological
Spectrum of Leprosy. Bull Wld Hlth Org, 1974; 51: 451.

25. Ridley DS, Hilton GRF, A Logarithmic index of bacilli in biopsies. Leprosy Review 1971; 42: 96-97.

26. D. Porichha, S Nayak, L B Sahoo. Et al. Can the Skin Smear Examination in HELP be Reconsidered? Indian J Lepr 2011; 83: 45 - 52.

27. Cellona RV. Long Term Efficacy of 2 years WHO MDT in Multibacillary leprosy Patients. Int j Lepr. 2003; 71: 308 - 315.

28. ธีระ รามสูต. ตำราโรคเรื้อน. กรุงเทพฯ : นิวธรรมดา การพิมพ์, 2535.

29. Shepard CC. A survey of the drugs with activity against
M. leprae in mice. International Journal of Leprosy 1971; 39: 340 - 348.

30. Ridley DS. The SFG (Solid, Fragmented, Granular) index for bacterial morphology. Lepr Rev 1971; 42: 96 - 97.

31. Jamet P, Ji B. Relapse after long - term follow up ofmultibacillary patients treated by WHO Multidrugregimen. Mar choux Chemotherapy Study Group. Int J Lepr Other Mycobactt Dis. 1995; 63: 195 -201.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

28-09-2012

รูปแบบการอ้างอิง

1.
รามสูต ธ, สิทธิเวคิน ท, อุนรัตน์ โ. การเปลี่ยนแปลงผลการตรวจเชื้อจากรอยโรคผิวหนังผู้ป่วยโรคเรื้อนใหม่ชนิดเชื้อมาก หลังรับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดผสมครบ 1 ปี และ 2 ปี. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 28 กันยายน 2012 [อ้างถึง 29 ธันวาคม 2025];38(3):236-4. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/155286

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ