การประเมินผลการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน และประสิทธิผลการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการบริโภคอาหารในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเอง
คำสำคัญ:
การดูแลผู้ป่วยเบาหวาน, พฤติกรรมการบริโภค, ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเองบทคัดย่อ
โรคเบาหวานเป็นโรคที่มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ดังนั้นการดูแลผู้ป่วยเบาหวานโดยการควบคุมระดับน้ำ ตาลในเลือดนับเป็นมาตรการที่สำคัญ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการดูแลผู้ป่วยเบาหวานโดยการตรวจหาระดับฮีโมโกลบินเอวันซีในเลือดของผู้ป่วย และเพื่อศึกษาประสิทธิผล การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเอง ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ขั้นตอนที่1เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาภาคตัดขวาง โดยการตรวจหาระดับฮีโมโกลบินเอวันซีในผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 120 คน ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ปี พ.ศ. 2549 ขั้นตอนที่ 2 เป็นการวิจัยกึ่งทดลองโดยวัดก่อนและหลังทดลอง (Two Group Pre-test Post-test Design) ทดลองในผู้ป่วยเบาหวานที่มีอายุตั้งแต่ 30-65 ปีที่มารับการรักษาในศูนย์สุขภาพชุมชนจอหอ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับการรักษาด้วยยาเม็ดรับประทาน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบกลุ่มละ 50 ราย ซึ่งมีกิจกรรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร โดยมีการจัดเวทีประชุมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันองค์ความรู้ทางวิชาการ วิธีการบันทึกในสมุดการกำกับตนเอง และกิจกรรมการการชักจูงโน้มน้าวและกระตุ้นอารมณ์จากทั้งภายในกลุ่มผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ นักวิชาการทีมวิจัย และประเมินผลความพึงพอใจต่อกิจกรรมและผลการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากผ่านไป 1 ปี ผลการศึกษา ขั้นตอนที่1 พบผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลสะสมในเลือดได้ดี (HbA1C <7 mol%)ร้อยละ 35.0 และควบคุมได้ดี (HbA1C=7.01-8.00 mol%) ร้อยละ 15 และพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานนานไม่เกิน 10 ปี จะมีการควบคุมระดับน้ำตาลได้มากกว่าถึง ร้อยละ 33.3 มากกว่าผู้ที่เป็นเบาหวานนานกว่า 10 ปี 2 เท่า คือมีการควบคุมระดับน้ำตาลได้เพียง ร้อยละ 17.6 ผลการศึกษาขั้นตอนที่ 2 หลังการทดลอง พบว่ากลุ่มทดลองมีการรับรู้ความสามารถในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ (p < 0.001) (22.48 และ 13.42 คะแนน) และสูงกว่าก่อนการทดลอง (p < 0.001) (22.48 และ14.78 คะแนน ) กลุ่มทดลองมีคะแนนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ (p < 0.001) (29.12 และ 26.26 คะแนน) และสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ (p < 0.001) (25.72 และ 26.26 คะแนน ) และมีค่าเฉลี่ยระดับฮีโมโกลบินเอวันซี ต่ำกว่าก่อนการทดลอง (p < 0.01) (9.04 mol% และ 7.77mol%) และเมื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลง พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p = 0.04) และจากการติดตามประเมินหลังจากที่ได้ให้บริการดูแลรักษาเบาหวานผ่านไป 1 ปี พบว่าตัวอย่างผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 90.6 มีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารอยู่ในระดับดี โดยเฉพาะในเรื่องการบันทึกรายการอาหาร รอบเอว น้ำ หนัก ดัชนีมวลกายในสมุดบันทึกสุขภาพ และสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ในระดับดีมาก (HbA1C < 7 mol%) ร้อยละ 11.8 ระดับดี(HbA1C 7.01-8 mol%) ร้อยละ32.9 ซึ่งแสดงการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเอง สามารถช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำ ตาลในเลือดได้ มีการรับรู้ความสามารถในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดีขึ้น มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารดีขึ้น และมีระดับฮีโมโกลบินเอวันซีลดลง แต่ควรมีการออกแบบการวิจัย โดยการประยุกต์ทฤษฎี การสนับสนุนทางสังคม (Social Support Theory) เข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. รายงานผลการดำเนินงานประจำปี สรุปผลการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงและหัวใจขาดเลือดของโรงพยาบาลชุมพลบุรี. รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2548. ไม่ปรากฏแหล่งพิมพ์
3. ศูนย์สุขภาพชุมชนจอหอ. สรุปรายงานโรคเรื้อรังประจำปี, 2549-2552. ไม่ปรากฏแหล่งพิมพ์
4. กาญจนา ปญัญาธร , สุทาทิพย์ เทียนวงศ์ , กรรณิการ์ คลื่นแก้ว , ลักขณา ศิริบูรณ์และอมร คำทะ. การศึกษาแบบแผนการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โซนราชพฤกษ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรราชธานี. วารสารการแพทย์ โรงพยาบาลอุดรธานี. 2549; 15 (2): 37-59.
5. อัลเบิร์ตแบนดูรา.ทฤษฎีความสามารถของตนเอง.(Self-efficacytheory) 1997. http://www.novabizz.com/NovaAce/Personality/Self_Efficacy.htm
6. อนันต์ สอนพวง. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการรักษาของผู้ป่วยเบาหวานในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดกาญจนบุรี วิทยานิพนธ์ปริญญาเวชศาสตร์ชุมชน
มหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.2541
7. สุภาพร องค์สุริยานนท์.การพัฒนาพฤติกรรมการดูแลตนเองของ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชจังหวัดสุพรรณบุรีพ.ศ. 2550 วารสารสาธารณสุขและการพัฒนา 2551;6:32-38.
8. สมชัย จิรโรจน์วัฒน และยุทธนา ประนุช เรื่องประสิทธิผลการจัดโปรแกรมการสร้างพลังแกนนำชุมชนเพื่อการป้องกันและ ควบคุมโรคอุจจาระร่วงที่ ต. ตะพง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2543. (online)แหล่งที่มา http://www.kmddc.go.th/Library/research/research_dia3.pdf. 23 กรกฎาคม 2555.
9. ศศิธร กรุณา. ผลของโปรแกรมเสริมสร้างแรงจูงใจต่อการควบคุมระดับน้ำ ตาลในเลือดของผู้ป่วยชนิดที่ 2. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


