การใช้โปรแกรม HIVQUAL-T เพื่อประเมินคุณภาพในการดูแลผู้ป่วย เอชไอวี/ เอดส์ ของโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์
คำสำคัญ:
โปรแกรม HIVQUAL-T, การดูแลผู้ป่วย เอชไอวี/เอดส์, โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี/เอดส์ เพื่อใช้โปรแกรม HIVQUAL-T version 5.0 ประเมินคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี/เอดส์ ตามแนวทางการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเพื่อเสนอกลยุทธ์ในการพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี/เอดส์ อย่างต่อเนื่อง ศึกษาโดยการประเมินความครบถ้วนของข้อมูลการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี/เอดส์ จากการบันทึกข้อมูลใน NAPHA โปรแกรม และในเวชระเบียนผู้ป่วยของโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ จังหวัดสมุทรปราการ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552 - 30 กันยายน พ.ศ. 2553 ผลการศึกษาพบข้อมูลครบถ้วน เป็นปัจจุบัน จากข้อมูลผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อเอดส์ ที่มารับบริการเป็นเพศขาย จำนวน 100 คน คิดเป็นร้อยละ 53.48 เป็นเพศหญิง จำนวน 87 คน คิดเป็นร้อยละ 46.53 และผู้ป่วยที่ศึกษาทุกรายได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวี และได้รับสิทธิภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นำข้อมูลมาประเมินคุณภาพโดยใช้โปรแกรม HIVQUAL-T พบว่าร้อยละของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้รับการตรวจ CD4 baseline คิดเป็นร้อยละ 4.5 และร้อยละของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่ได้รับยาต้านไวรัสครบ 6 เดือนขึ้นไป ได้รับการตรวจติดตามระดับ CD4 คิดเป็นร้อยละ 79.5 การส่งตรวจ viral load ใน ผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อที่กินยาต้านไวรัสนานมากกว่า 6 เดือน คิดเป็นร้อยละ 100 การได้รับยาป้องกันโรคปอดอักเสบ PCP ปฐมภูมิในผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อที่มีข้อบ่งชี้ และการได้รับยาป้องกันเชื้อรา Cryptococcosis ปฐมภูมิในผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อ เอชไอวีที่มีข้อบ่งชี้ คิดเป็นร้อยละ 100 ค่าร้อยละของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อ ได้รับการคัดกรองวัณโรคปอด และร้อยละของผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพศหญิง ได้รับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอยู่ที่ 94.4 ร้อยละของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อ เอชไอวีที่ได้รับยาต้านไวรัสได้รับการประเมินหรือติดตาม Drug Adherence อย่างสม่ำเสมออยู่ที่ 94.5 ร้อยละของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ได้รับการตรวจคัดกรองซิฟิลิส คิดเป็น 95.5 ร้อยละ ของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ได้รับข้อมูลแนะนำเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย 97.3
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. ขนิษฐา วัลลีพงษ์. การใช้โปรแกรม HIVQUAL-T เพื่อประเมินคุณภาพในการดูแลผู้ป่วย เอชไอวี/เอดส์ ของโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดนครราชสีมา. ภาควิชาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: 2551
3. พีระมน นิงสานนท์. คุณภาพดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในประเทศในประเทศไทย. สำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (2553. www.CQIHIV.com (25 กรกฎาคม 2554)
4. วินัย สวัสดิวร .คุณภาพดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในประเทศในประเทศไทย. สำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ,2553. www.CQIHIV. com (25 กรกฎาคม 2554)
5. จิตรลดา อุทัยพิบูลย์. คู่มือการใช้โปรแกรม HIVQUAL-T หรับพัฒนาคุณภาพผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ อักษรกราฟฟิคแอนติไซน์, 2553.
6. สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค. มาตรฐานกรมควบคุมโรคด้านโรคเอดส์สำหรับสถานบริการสาธารณสุข พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์สำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ, 2553.
7. อนุวัฒน์ ศุภชุติกุลและคณะ. นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 2: กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ,2544.
8. http: //www.trcarc.org/index.php?option=com_content&view=article&id=64&Itemid=62
9. http:// hi vliveplus. blog spot .com/ 2009/08/human - immunodeficiency - vims - hiv -20-50. Html
10. จุฑาภรณ์ กัญญาคำและคณะ . คุณภาพบริการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์: กรณีศึกษาในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดร้อยเอ็ด. การประชุมวิชาการ The 4th Annual Northeast Pharmacy Research Conference of 2012 "Pharmacy Profession in Harmony". คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หน้า 61-71
11. Alemaychu YK, Bushen OY, Muluneh AT. Evaluation of HIV/AIDS clinical care quality: the case of a referraal hospital in Notrh West Ethiopia. Int L Qual Health Care. 2009; 21: 356-62
12. ขนิษฐา วัลลีพงษ์ . การใช้โปรแกรม HIVQUAL-T เพื่อประเมินคุณภาพในการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี/เอดส์ ของโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดนครราชสีมา. ภาควิชาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: 2551
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


