การประเมินกระบวนการจัดการส่งเสริมสุขภาmiละป้องกันโรคไม่ติดตอเรอรัง ในภาคใต้ตอนล่าง ปี 2556
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2013.9คำสำคัญ:
การประเมิน, งานควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังบทคัดย่อ
การคืกพานื้มิวัตถุประสงค์เพื่อคืกพาประเมินผลกระบวนการบริหารงานล่งเสริมสุขภาพและป้องกัน โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (โรคความตันโลหิตสูงและเบาหวาน) ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ดำเนินการในช่วงเดือน สิงหาคม ปี 2556 โดยใช่โมเดลตรรกะ (logic model) ประกอบด้วยป๋จจัยนำเข้า กระบวนการ ผลลัพธ์และผลกระทบ สุ่มตัวอย่างโดยใช่วิธี stratified random sampling เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ สาธารณสุขที่เกี่ยวข้องทุกคน จำนวน 140 คน และกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) จำนวน 70 คน และประชาชน จำนวน 210 คน โดยใช้แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถามและแบบสรุปงบประมาณ วิเคราะห์ช้อมูลโดยการวิเคราะห์ เนื้อหาและสถิติเซิงพรรณนา ผลการคืกพาพบว่า ด้านปัจจัยนำเช้า งบประมาณได้รับการจัดสรรจากหลายแหล่ง งบประมาณระตับจังหวัดมิความเพยงพอ ขึ้งส่วนใหญ่ใช้เพื่อการบริหารจัดการ การกี่อสารความเกี่ยง ความพร้อม ของบุคลากรในระดับจังหวัด ทุกจังหวัดจะบริหารในรูปของคณะกรรมการดำเนินการและมิผู้รับผิดชอบ แต่ในระตับ สถานบริการโดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชนยังมิ case manager ไม,ครบ ด้านความพร้อมชองระบบข้อมูล ได้มิการ พัฒนานวัตกรรมระบบคลังข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเพื่อสนับสน,นการดำเนินงานอย่างมิประสิทธิภาพล่าหรับด้าน กระบวนการ มิการวางแผนแก็ไขปัญหาที่สอดคลัองกับนโยบายและสภาพปัญหา และมิการถ่ายทอดลุ่ระตับต่าง ๆ ด้านผลลัพธ์พบว่า ผลการคัดกรองความตันโลหิตและเบาหวานประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปค่อนช้างสูง และ คลินิก NCD คุณภาพผ่านเกณห์ประเมินด้วยตนเอง แต่กลุ่มเกี่ยงและผู้ป้วยล่วนใหญ่ยังไม,เปลี่ยนพฤติกรรม และไม่สามารถควบคุมความตันและนาตาลในเลอดได้ สอดคล้องกับที่พบว่า ประชาชนได้รับการตรวจคัดกรองจริง แต่ก็ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยง ในขณะที่อาสาสมัครสาธารณสุขมิความสามารถในการคัดกรอง ความตันและเบาหวานไต้ดื แต่ไม,มั่นใจต่อการแปลผล การคืกพาครงนื้เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระบวนการจัดการ ล่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคไม,ติดต่อในภาคใต้ตอนล่างควรได้รับการพัฒนาให้มิ case manager ครอบคลุม ทุกสถานบริการ พัฒนา กำกับ ประเมินผลโปรแกรมการดูแลสุขภาพกลุ่มเกี่ยงและกลุ่มผู้ป่วยให้เปลี่ยนแปลง พฤติกรรม และเพื่มศักยภาพชอง อสม. ในการให้บริการพื้นฐานเช้าถิงประชาชนให้มากที่สุด
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. World Health Organization. Global status report on non communicable disease 2010. Geneva: World Health Organization; 2011 [cited 2012 Jun 5]. Available from*, http://www.who.int/ nmh/publications/ncd_report2010/en/
3. วิชัย เอกพลากร, เยาวรัตน์ ปรปักษ์ยาม, สุรศักดึ๋ ฐานีพานิชสกุล, หทัยชนก พรรคเจริญ, วราภรณ์ เสถียรนพเก้า, กนิษฐา ไทยกล้า. รายงาน การสำรวจสุยภาพประชาชนไทยโดยการสำรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-52. นนทบุรี: เดอะกราพิโก ซิสเต็ม; 2553.
4. เยาวดี รางชัยกุล วิบูลย์ศรี. การประเมินโครงการ แนวคิดและแนวปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2548.
5. สุวิมล ว่องวาณ์ช. การออกแบบและประเมิน โครงการโดยใช้ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง. การวิจัย สังคมศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: สมาคมวิจัย ลังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย 2552; หน้า 18- 20.
6. ระบบคลังข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรั้อรัง [Internet]. [เข้าถึง 10 พฤศจิกายน 2556], สืบค้นจาก http:/ /203.157.229.18/chronic/index.php.
7. หลักการบริหารจัดการ Principle of Management. ภาควิชาการบริหารงานสาธารณสุย คณะ สาธารณสุยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2552 [homepage on the Internet]. [เข้าถึง 11 พฤศจิกายน 2556]. สืบค้นจาก http://phad.ph.mahidol.ac.th/km/ knowledge/ principled 20ofd20management/ index.html.
8. หลักเกณฑและแนวทางการทบทวนแผนพัฒนา จังหวัด/กลุ่มจังหวัด และการจัดทำแผนปฏิบัติ ราชการประจำปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2556 [homepage on the Internet]. [เข้าถึง 11 พฤศจิกายน 2556]. สืบค้นจาก http://www.opdc.go.th/content.php? menu_id=5 &content_id=2145.
9. ชุดเครื่องมือการพัฒนาองค้การ (Organization Improvement Toolkits) ตามแนวทางการพัฒนา คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ. กรุงเทพ-นหานคร: บริษัท วิชั่น พริ้นทั แอนติมเดีย จำกัด, 2551
10. สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวง สาธารณสุข. คู่มือรายละเอียดตัวชี้วัดการดำเนิน งานพัฒนา สุขภาพตาม คำรับรองการปฏิบัติราชการ กระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ 2556, นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2536.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


