การนำนโยบาย"อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน"สู่การปฏิบัติ ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนของประเทศไทย ปีงบประมาณ 2555
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2013.37คำสำคัญ:
อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน, ภาคใต้ตอนบนของประเทศไทยบทคัดย่อ
การวิจัยประเมินผลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์ความตรง ความครอบคลุม ความเชื่อมโยง ความยืดหยุ่น และความเป็นไปได้ของเนื้อหาของนโยบาย “อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” 2) ตรวจสอบกระบวนการและขั้นตอนในการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ 3) ประเมินผลลัพธ์ของการนำนโยบายอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนไปสู่การปฏิบัติในปีงบประมาณ 2555 พื้นที่ศึกษาคือ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนซึ่งได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 ถึงเดือนกรกฎาคม 2555 กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา จำนวน 147 คน ประกอบด้วย ผู้เกี่ยวข้องหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน ในการนำนโยบายอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนไปสู่การปฏิบัติตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม แบบประเมินการมีระบบกลไกการบริหารจัดการของจังหวัดและเกณฑ์การประเมินอำเภอตามคุณลักษณะ 5 ด้าน การตรวจสอบเอกสารจากรายงานผลการดำเนินงานการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและการตรวจสอบเนื้อหาเชิงคุณภาพ ผลการศึกษาพบว่า เนื้อหาของนโยบายมีความตรงอยู่ในระดับมาก ในขณะที่ความครอบคลุม ความเชื่อมโยง ความยืดหยุ่น และมีความเป็นไปได้ในการนำไปสู่การปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด สำหรับกระบวนการและขั้นตอนการนำนโยบายอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนไปสู่การปฏิบัติตั้งแต่ระดับกรมควบคุมโรค เขต จังหวัด อำเภอ จนถึงตำบล ผลการประเมินพบว่าหน่วยงานส่วนใหญ่ใช้รูปแบบการประชุมและการถ่ายทอดมีความชัดเจนและครอบคลุมถึงระดับผู้ปฏิบัติทุกจังหวัด แต่กลวิธีในการถ่ายทอดของแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันบ้าง สำหรับผลลัพธ์ของการนำนโยบายอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนไปสู่การปฏิบัติในช่วง 2 ปีแรก ผลการศึกษาพบว่าทั้ง 7 จังหวัด (ร้อยละ 100) มีระบบกลไกการบริหารจัดการผ่านเกณฑ์องค์ประกอบ 5 ด้าน และทุกจังหวัดมีร้อยละของอำเภอที่มีคุณลักษณะ 5 ด้าน ผ่านเกณฑ์ที่กรมควบคุมโรคกำหนด (ร้อยละ 60) โดยในภาพรวม 74 อำเภอ (7 จังหวัด) พบว่า 69 อำเภอ (ร้อยละ 93.24) เป็นอำเภอที่มีคุณลักษณะอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญในภาพรวมของการขับเคลื่อนนโยบาย ได้แก่ นโยบายมีความชัดเจน การบริหารจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อปัญหาในพื้นที่ ผู้บริหารทุกระดับให้ความสำคัญและสนับสนุน การนิเทศ ควบคุม กำกับ ติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง การประสานงานที่ดี และภาคีเครือข่าย/ทีมงานมีความเข้มแข็ง ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ได้จากการศึกษานี้ คือ ควรดำเนินการนโยบายนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่องโดยจัดทำ แผนที่เดินทาง (Road map) เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาสู่ตำบลควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน ให้จัดทำข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และมีการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง ข้อเสนอแนะจากการประเมินคือ ควรมีการประเมินผลการนำนโยบายนี้ ในปีต่อๆไป เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนปรับปรุง พัฒนา จนสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดของนโยบายคือ การมีระบบและกลไกการบริหารจัดการ การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพของพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ทันสถานการณ์
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. Millennium Ecosystem Assessment. Eosystems and human well-beings: Health synthesis 2005 [cited 1 December 2012]. Available from: http://www.millennium-ssessment.org/en/Synthesis.html.
3. มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้ สูงอายุไทย (มส.ผส.). รายงานประจำปี สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ.2553. กรุงเทพฯ: ที คิว พี ; 2555 กุมภาพันธ์ 2555.
4. ปัญญาวัฒน์ สันติเวส. รายงานการประเมินผลระบบสุขภาพภาคประชาชน ปี 2547. พิมพ์ครั้งที่ 1 ed. นนทบุรี: กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ; 2547. 143 p.
5. World Health Organization. World Health Statistics: World Health Organization; 2012 [cited 1 December 2012]. Available from: http://www.who.int/about/ licensing/copyright_form/en/index.html.
6. กองทุนสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, กระทรวงสาธารณสุข, editors. การถ่ายโอนงานสุขภาพชุมชนสู่การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น : การดำเนินงานสุขภาพภาคประชาชนในปี 2547. การประชุมวิชาการสุขภาพภาคประชาชน ครั้งที่ 1 "สร้างคนสร้างปัญญา สร้างสุขภาพชุมชน"; 2546; โรงแรมจอมเทียน ปาล์มบีช พัทยา จังหวัดชลบุรี: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
7. การกระจายอำนาจ : ยุทธศาสตร์. ประยงค์ เต็มชวาลา. การปฏิรูปงานสาธารณสุขไทย. นนทบุรี: สำนักงานสาธารณสุขเขต 10, 2540.
8. ตำรา : การสร้างเสริมสุขภาพแนวใหม่ (80 Yrs with Quality of Life). วิชัย เทียนถาวร. พิมพ์ครั้งที่ 2 ed. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2555. 470p.
9. Basarab Nicolescu. Transdisciplinarity: Theory and Practice. Cresskill, New Jersey, USA: Hampton Press; 2008.
10. มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ. นโยบายสาธารณะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี : กระบวนการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม (Healthy Public Policy and Paticipatory Processes). กรุงเทพฯ: ที.เค.พริ้นติ้ง ; 2551. 182 p.
11. วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์, อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล, นวลอนันต์ ตันติเกตุ. นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 2 ed. อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล, งามจิตต์ จันทรสาธิต, editors. กรุงเทพฯ: โครงการสำนักพิมพ์ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข; 2541. 160 p.
12. Marmot M, Wilkinson R. Social determinants of health. Oxford: Oxford university press; 1999.
13. Willium H Forge. Social determinants of health and health-care solutions. Global Health Program, Bill and Melinda Gates Foundation, 2010.
14. กองแผนงาน. กรมควบคุมโรค. นโยบายและแนวทางการดำเนินงาน เพื่อสนับสนุนอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน. 2554.
15. สำนักจัดการความรู้. กรมควบคุมโรค. คู่มือการประเมินอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน สำหรับบุคลากร กรมควบคุมโรค. นนทบุรี 2555.
16. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช. ผลการประเมินอำเภอตามเกณฑ์คุณลักษณะ "อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน" ที่กรมควบคุมโรคกำหนด. นครศรีธรรมราช: 2555.
17. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช. เอกสารสรุปผลการนิเทศงานและการตรวจราชการกระทรวง. 2555.
18. ชัยนาท จิตตวัฒนะ. การประเมินแผนงานด้านสาธารณสุข : หลักการดำเนินงานเพื่อพัฒนากระบวนการบริหารเพื่อการพัฒนาสาธารณสุขของประเทศ. กรุงเทพฯ: ภาควิชาบริหารสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล; 2540. 31 p.
19. การนำนโยบายไปปฏิบัติ (Policy implementation). วรเดช จันทรศร. พิมพ์ครั้งที่ 4 ed. กรุงเทพฯ: สหายบล็อกและการพิมพ์; 2543. 74 p.
20. การนำนโยบายไปปฏิบัติในระบบราชการไทย วรเดช จันทรศร. ลิขิต ธีรเวคิน. คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์; โครงการเอกสารและตำรา 2530.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


