ความชุกของซิฟิลิสแต่กำเนิดในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2552
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2013.26คำสำคัญ:
ซิฟิลิสแต่กำเนิด, ประเทศไทย, หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นซิฟิลิสบทคัดย่อ
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุก ข้อมูลการรักษา หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นซิฟิลิส ซิฟิลิสแต่กำเนิด ศึกษาผลการตั้งครรภ์และผลกระทบที่มีต่อทารก เพื่อทราบการดำเนินการเมื่อพบหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นซิฟิลิส ตั้งแต่ ตุลาคม 2551 ถึง กันยายน 2552 ทำโดยศึกษาข้อมูลจากเวชระเบียนของหญิงตั้งครรภ์ที่ผลตรวจพบซิฟิลิส สามี และทารก ที่มารับบริการในโรงพยาบาลทุกแห่งใน 8 จังหวัดจากทุกภาคของประเทศไทย และโรงพยาบาลอีก 3 แห่งในกรุงเทพมหานคร ระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือนคือ พฤษภาคม 2553 ถึง เมษายน 2554 ข้อมูลจาก 150 โรงพยาบาลที่เข้าร่วมพบว่า หญิงตั้งครรภ์มากกว่าร้อยละ 99 ได้รับการตรวจคัดกรองซิฟิลิส ร้อยละ 0.16 มีผลบวกต่อการตรวจคัดกรองและร้อยละ 0.14 มีผลบวกต่อการตรวจยืนยันมีหญิงตั้งครรภ์ 103 คน และเด็กทารก 14 คน (0.10 ต่อการเกิดมีชีพ 1,000 คน) ที่เข้าได้กับนิยามซิฟิลิสบวก ของการศึกษา ทุกโรงพยาบาลสามารถตรวจคัดกรองซิฟิลิสได้ แต่ปัญหาที่พบบ่อยคือการติดตามสามีมาตรวจกรณีภรรยามีผลบวก และปัญหาการติดตามหลังการรักษาของหญิงตั้งครรภ์ สามี และทารก เนื่องจากการไปรักษาต่อที่อื่น ข้อมูลจากแพทย์พบว่าส่วนมากยังไม่เคยเห็นแนวทางการรักษาซิฟิลิส จากสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงมีหลายหน่วยงานในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่เก็บข้อมูลเรื่องซิฟิลิส แต่ไม่มีการเชื่อมโยงและการวิเคราะห์ข้อมูล จากการศึกษาพบว่ามีตัวชี้วัดที่ผ่านเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกคือ มีความชุกของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นซิฟิลิส ซิฟิลิสแต่กำเนิด ต่ำ สัดส่วนหญิงตั้งครรภ์ สามี และทารก ได้รับการตรวจและการรักษาสูง หญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ได้รับการตรวจคัดกรองซิฟิลิสอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ที่ไม่ผ่านเกณฑ์คือสัดส่วนของซิฟิลิสแต่กำเนิดที่ได้รับการรักษา ถึงแม้ว่าซิฟิลิสจะเป็นโรคที่สามารถป้องกันรักษาได้และยังทำให้เกิดผลเสียได้มากต่อทารก แต่บุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสนใจกับโรคนี้เท่าที่ควร การเน้นย้ำปัญหานี้กับบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการจัดสรรทรัพยากรจะทำให้ปัญหานี้ลดน้อยลงได้
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. World Health Organization, Department of Reproductive Health and Research. The global elimination of congenital syphilis: rationale and strategy for action; [accessed March 1,2011]. Available from URL: http://www.who.int/reproductivehealth/publications/rtis/9789241595858/en/ index.html
3. Data from sentinel surveillance of syphilitic pregnant women, year 2008, Bureau of AIDS TB and STIs ; [accessed March 1,2011]. Available from URL: http://www.aidsstithai.org/link/sentinelsurveillance
4. Sexually Transmitted Infections; [accessed May 20, 2011]. Available from URL: http://dpc9.ddc.moph.go.th/napha9/sti.html
5. Watson-Jones D. Syphilis in pregnancy in Tanzania. J Infect Dis. 2002 Oct 1; 186(7): 948-57.
6. Wendel GD, Shffield JS, Hollier LM, Hill JB, Hill JB, Ramsey PS, Sanchez PJ. Treatment of syphilis in pregnancy and prevention of congenital syphilis. Clinical Infectious Disease 2002; 35 Suppl 2: S200-9.
7. Centers for disease Control: Congenital syphilis case definition 1996; [accessed March 12, 2011]. Available from URL: http://www.cdc.gov/osels/ph_surveillance/ nndss/casedef/syphilisccurrent.htm
8. World Health Organization: The global elimination of congenital syphilis: rationale and strategy for action; [accessed May 2, 2011]. Available from URL: http://www.who.int/reproductivehealth/publications/rtis/9789241595858/en/index.html
9. Data of congenital syphilis, fiscal year 2009, Thailand, National Health Security Office (unpublished data).
10. Data of congenital syphilis, fiscal year 2009, Thailand, sentinel surveillance of Bureau of Epidemiology (unpublished data).
11. Data of congenital syphilis, fiscal year 2009, Thailand, Bureau of AIDS TB and STIs (unpublished data).
12. National Statistical Office: Antenatal care coverage; [accessed May 2, 2011]. Available from URL: http://service.nso.go.th/nso/nso_center/project/search_center/ 23project-th.htm
13. Annual Epidemiological Surveillance report 2010; [accessed May 20, 2011]. Available from URL: http://203.157.15.4/Annual/aesr2553/Open.html
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


