ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2013.21คำสำคัญ:
พฤติกรรมการป้องกัน, โรคความดันโลหิตสูง, ภาคใต้ฝั่งอันดามันบทคัดย่อ
การศึกษาเชิงสำรวจนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ประชาชนในจังหวัดตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต และระนอง จำนวน 600 คน ดำเนินการศึกษาตั้งแต่เดือนมกราคม -สิงหาคม 2554 เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาค่าสหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุแบบขั้นตอน ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความรู้ระดับปานกลาง ร้อยละ 61.67 มีเจตคติระดับดี ร้อยละ 63.67 มีพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงในระดับสูง ถึงร้อยละ 82.33 โดยมีพฤติกรรมด้านการผ่อนคลายความเครียด มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.01, S.D = 0.56) รองลงมา ด้านการออกกำลังกาย ( = 2.78, S.D = 0.40) ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง คือ อาชีพ การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร อายุ ศาสนา และการตรวจสุขภาพประจำปี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( p < 0.05) จากผลการศึกษานี้ ชี้ให้เห็นว่าหน่วยงานในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ควรเสริมสร้างความรู้ในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โดยการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนให้รับทราบ เพื่อให้มีพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมยิ่งขึ้น
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข, 2554 [homepage on the Internet].[เข้าถึง 5 มกราคม 2554].สืบค้นจาก :http://www.moph.html.
3. ศูนย์ข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข [homepage on the Internet].[เข้าถึง 5 มกราคม 2554]. สืบค้นจาก :http://www.thaincd.com.
4. เอกสารรายงานผลการดำเนินงานโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการบาดเจ็บ. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช. 2553
5. สุพรชัย กองพัฒนากูล. การทบทวนความรู้ เทคนิคการดูแลภาวะความดันโลหิตสูง. เทคนิคการดูแลรักษาโรคความดันโลหิตสูง การทบทวนปัจจัยด้านพฤติกรรมและวิถีชีวิต ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยเสริมต่อโรค : สำนักพัฒนาวิชาการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, 2542
6. อรพินท์ กายโรจน์. ผลกระทบการรับรู้สมรรถนะของตนอง และความคาดหวังผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่อการปฏิบัติด้านสุขภาพของหญิงวัยกลางคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยวงขลานครินทร์. สงขลา, 2542
7. สุรีวัลย์ สะอิดี. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ของผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตเทศบาลนครยะลา. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สงขลา, 2547
8. เพชรน้อย สิงห์ช่างชัย. การวิเคราะห์ตัวแปรหลายตัวทางการพยาบาล ด้วยการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุแบบปกติ (Multiple Regression Analysis). หลักการและการใช้สถิติการวิเคราะห์ตัวแปรหลายตัว สำหรับการวิจัยทางการพยาบาล, หน้า 66 - 105. สงขลา, 2548
9. สุจิตรา เหมวิเชียร. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดของสตรีไทยมุสลิม วัยหมดประจำเดือน. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต (การพยาบาลผู้ใหญ่) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สงขลา, 2549
10. ชนิกาญน์ สมวารี. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม ภาวะความดันโลหิตสูงของสตรีไทย มุสลิมกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นความดันโลหิตสูง.วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต (การพยาบาลผู้ใหญ่) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สงขลา, 2550
11. เยาวเรศ สมทรัพย์. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติด้านสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานในจังหวัดสงขลา. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลอนามัยชุมชน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สงขลา, 2543
12. เดชา ดีกาญจน์กล. พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ: ศึกษากรณีชมรมส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ จังหวัดยะลา. ปัญหาพิเศษทางสาธารณสุข ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาสาธารณสุขชุมชน วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา. 2544
13. Vamer,R.E. & Youger ,J.B. Menopause. In V.L. SEltzerW.H. Perse(Eds), Women's primary health care: Office practice and procedures.NewYork: Mc Graw-Hill., 1995; 249-265
14. สุวิมล ฤทธิมนตรี. การศึกษาความรู้เรื่องโรค ความเชื่อด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพในคู่สมรสของผู้ป่วยโรคตับอักเสบบี. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาพยาบาลศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, กรุงเทพมหานคร, 2534
15. ณัฐิกาญจน์ วิสุทธิมรรค. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน.วิทยานิพนธ์ยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาล อนามัยชุมชน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา. ชลบุรี, 2542
16. Janz, N.K. and Becker, M.H. The health beledf model: A decade later. Health Education Quarterly, 1984:11
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


