การศึกษาคุณภาพถุงยางอนามัยที่ใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทต่างๆ

ผู้แต่ง

  • สุภาวรรณ จงธรรมวัฒน์ Bureau of Radiation and Medical Devices Department of Medical Sciences
  • สถาพร กล่อมแก้ว สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
  • วันเพ็ญ ดวงสว่าง สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

DOI:

https://doi.org/10.14456/dcj.2014.1

คำสำคัญ:

สารหล่อลื่น, สารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบ, สารหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ

บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการเพิ่มสารหล่อลื่นชนิดต่างๆ ต่อการเสื่อมคุณภาพของถุงยางอนามัยที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ โดยพิจารณาความเหนียวและความยืดตัวของถุงยางอนามัยจากค่าความดันและปริมาตรขณะแตก วิธีทดสอบตาม มอก.625-2554 กำหนดชุดควบคุมเป็นถุงยางอนามัยที่ไม่ทาสารหล่อลื่นเพิ่ม ชุดทดลองเป็นถุงยางอนามัยที่ทาสารหล่อลื่นแต่ละชนิดเพิ่ม จำแนกเป็นสารหล่อลื่นประเภท water-based ได้แก่ เจลหล่อลื่นสูตรน้ำและสารหล่อลื่นประเภท oil-based ได้แก่ เบบี้ออยล์ บอดี้โลชั่น ปิโตรเลียมเจลลี่ และน้ำมันพืช ดำเนินการศึกษาโดยทาเพิ่มสารหล่อลื่นบนถุงยางอนามัยทิ้งไว้เป็นเวลา 5 นาที 10 นาที 30 นาที และ 45 นาที ตามลำดับ แล้วนำไปทดสอบด้วยเครื่องทดสอบความดันและปริมาตรขณะแตกของถุงยางอนามัย พบว่า ค่าเฉลี่ยความดันขณะแตกและปริมาตรขณะแตกของถุงยางอนามัยที่ทาเพิ่มด้วยสารหล่อลื่นประเภท water-based มีค่าใกล้เคียงกับถุงยางอนามัยชุดควบคุม และไม่พบจำนวนชิ้นบกพร่องในทุกช่วงเวลา ไม่มีผลทำให้เกิดความเสื่อมสภาพของถุงยางอนามัย สำหรับถุงยางอนามัยที่ทาเพิ่มด้วยสารหล่อลื่นประเภท oil-based พบว่า ค่าเฉลี่ยความดันขณะแตกและปริมาตรขณะแตกของถุงยางอนามัยมีค่าลดลง ดังนั้น ผู้ใช้จึงไม่ควรใช้สารหล่อลื่นประเภท oil-based กับถุงยางอนามัย ควรเลือกใช้สารหล่อลื่นประเภท water-based เท่านั้น

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. กระทรวงสาธารณสุข. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องถุงยางอนามัย พ.ศ. 2556, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 130 ตอนพิเศษ 147ง. (ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2556).

2. พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 4390 (พ.ศ. 2554) เรื่อง แก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติ-คุณลักษณะที่ต้องการและวิธีทดสอบ (แก้ไขครั้งที่ 1), ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 129 ตอนพิเศษ 9รง. (ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2555).

3. International Organization for Standard. ISO 4074:2002/ Corrigendum 1:2003/ Corrigendum 2:2008 Natural latex rubber condoms-requirements and test method. Geneva; Switzerland: 2002.

4. World Health Organization, UNFPA, Family Health International. Male latex condom: specification, prequalification and guidelines for procurement. Geneva: World Health Organization; 2010.

5. ชีวิตคุณภาพ. วัยรุ่นแผลงใช้ออยล์ทาถุงยาง หมอมึนชี้คุมกำเนิดไม่ได้ผล. มติชน. 2553 เม.ย. 28; ชีวิตคุณภาพ: 10 (คอลัมน์ 6).

6. พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511.ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 4398 (พ.ศ. 2555) เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แผนและวิธีการชักตัวอย่างเพื่อการตรวจสอบแผนแอตทริบิวส์ และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม วิธีการชักตัวอย่างเพื่อการตรวจสอบลักษณะเชิงคุณภาพ เล่ม 1 แบบแผนการชักตัวอย่าง ระบุโดยขีดจำกัดคุณภาพที่ยอมรับ (AQL) เพื่อการตรวจสอบรุ่นต่อรุ่น, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 129 ตอนพิเศษ 97ง. (ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2555).

7. สุมาลี พรกิจประสาน, สุมล รัถการโกวิท, ระวิวรรณ ปรีดีสนิท, ชัยพันธ์ ธีระเกียรติกำจร, นุชนาฏ เรืองศิลาสิงห์. การเสื่อมสภาพของถุงยางอนามัยเมื่อใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์เพิ่มการหล่อลื่น. วารสารอาหารและยา 2539;3:49-62.

8. Voeller B, Coulson AH, Bernstein GS, Nakamura RM. Mineral oil lubricants cause rapid deterioration of latex condoms. Contraception 1989;39:95-102.

9. Sparrow MJ. The effect of antifungal creams and pessaries on latex. Australian Prescriber 2000;23:129.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

31-12-2014

รูปแบบการอ้างอิง

1.
จงธรรมวัฒน์ ส, กล่อมแก้ว ส, ดวงสว่าง ว. การศึกษาคุณภาพถุงยางอนามัยที่ใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทต่างๆ. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 31 ธันวาคม 2014 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];40(4):293-301. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/154246

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ