ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเมื่อยล้าในพนักงานโรงงานผลิต อุปกรณ์ช่วยชีวิตทางทะเล ในเขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

ผู้แต่ง

  • ศิริภาพร พันหา นักศึกษาปริญญาโท สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
  • ศรีรัตน์ ล้อมพงศ์ ภาควิชาสุขศาสตร์ อุตสาหกรรมและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

DOI:

https://doi.org/10.14456/dcj.2014.31

คำสำคัญ:

ความเมื่อยล้า, ชลบุรี

บทคัดย่อ

การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงบรรยาย แบบ cross-sectional เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเมื่อยล้าของพนักงานโรงงานผลิตอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางทะเล ในเขตการนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ดำเนินการศึกษาระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2556 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์พนักงาน จำนวน 222 คน ด้วยแบบส้มภาษณ์ คือ (1) ข้อมูลทั่วไปของพนักงาน (2) สภาพการทำงาน (3) ข้อมูลสุขภาพประวัติการเจ็บป่วย (4) ความรู้เกี่ยวกับความเมื่อยล้าจากการทำงาน และ (5) แบบประเมินความเมื่อยล้า วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่ามัธยฐาน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าต่ำสุดและค่าสูงสุด และใช้สถิติไคสแคว์ เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเมื่อยล้าของพนักงาน ผลการศึกษาพบว่า ร้อยละ 55.9 ของกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา เป็นพนักงานหญิง ร้อยละ 55.0 มีอายุระหว่าง 30-39 ปี ร้อยละ 52.3 มีสถานภาพสมรส ร้อยละ 38.7 มีการศึกษาที่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 68.5 มีอายุงาน 1 ถึง 5 ปี และเฉลี่ยอายุงาน 3.5 ปี ร้อยละ 95.9 มีการทำงานล่วงเวลา ประวัติการเจ็บป่วย พบว่า ร้อยละ 76.1 พนักงานไม'มีโรคประจำตัว ร้อยละ 88.7 ไม่เคยเจ็บป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลด้วยปัญหาโรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูกโครงร่าง ร้อยละ 98.6 เคยมีอาการเมื่อยล้าจากการทำงาน ร้อยละ 57.1 มีการเมื่อยล้าจากการทำงานเป็นบางวัน ไม่แน่นอน สำหรับวิธีการบรรเทาอาการเมื่อยล้า ร้อยละ 46.4 ใช้วิธีบีบ นวด ประคบ วิธีบรรเทาอาการเมื่อยล้าระหว่างปฏิบัติงาน ร้อยละ 57.7 ใช้วิธีเปลี่ยนอิริยาบถ และพบว่า ร้อยละ 96.8 มีความรู้ในหัวข้อกรณีที่ต้องยกหรือเคลื่อนย้ายของ สิ่งของที่มีน้ำหนักมากควรหาอุปกรณ์ช่วยยก จากการสอบถามอาการเมื่อยล้า พบว่า ในรอบ 7 วัน บริเวณที่รู้สึกเมื่อยล้ามากเกินทนไหว 3 อันดับแรก คือ บริเวณหลังส่วนล่าง น่อง และข้อมือ ในรอบ 3 เดือน บริเวณที่รู้สึกเมื่อยล้ามากเกินทนไหว 3 อันดับแรก คือ หลังส่วนล่าง ข้อมือ สะโพก เมื่อวิเคราะห์หาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเมื่อยล้า พบว่า ทุกปัจจัยไม่มีความสัมพันธ์กับความเมื่อยล้า แต่อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาครั้งนี้ มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ คือ (1) ควรที่จะมีการศึกษาเปรียบเทียบความเมื่อยล้าของพนักงานกับโรงงานอื่นๆ ที่มีลักษณะการทำงานที่คล้ายกัน (2) ควรที่จะมีการศึกษาถึงปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ ซึ่งจะได้ใช้เป็นแนวทางในการป้องกันเพื่อลดอาการปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงค้นหาปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน. รายงานการวิเคราะห์แนวโน้มการประสบอันตราย ปี 2550-2554 (อินเทอร์เน็ต). [สืบค้นเมื่อ 30 ต.ค. 2555]. แหล่งข้อมูล: http://www.sso.go.th/wpr/uploads/uploadlmages/file/accidentanalyze54.pdf

2. สสิธร เทพตระการพร. สุขภาพอนามัยกับการใช้คอมพิวเตอร์ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. รายงานการศึกษาวิจัยของกองอาชีวอนามัย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. นนทบุรี. 2537.

3. อนงค์ หาญสกุล. ปัญหาสุขภาพจากการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมทอผ้าไหมพรม จังหวัดชัยภูมิ [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2546.

4. จตุพร เลิศฤทธิ์. การประเมินความเสี่ยงต่อความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อในคนงานโรงงานทอผ้า อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2550.

5. ณัฐพงษ์ ฤทธิ์น้ำคำ. ปัญหาสุขภาพจากการทำงานและการดูแลสุขภาพจากกลุ่มอาชีพทอผ้าไหม อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตร มหาบัณฑิต]. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2549.

6. อำนาจ เสตสุวรรณ. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการทำงานกับภาระกล้ามเนื้อหลังที่วัดด้วยคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อ: กรณีศึกษาของสายการประกอบรถบรรทุกขนาดเล็ก 1 ตัน [วิทยานิพนธ์วิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต]. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2535.

7. โรงงานผลิตอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางทะเล นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี. สถิติการใช้บริการห้องพยาบาล. ชลบุรี. 2554.

8. Kuorinka I, Jonsson B, Kilbom A, Vinterberg H, Biering-S0rensen F, Andersson G, et al. Standardized Nordic questionnaires for the analysis of musculoskeletal symptoms. Appl Ergon 1987;18:233-7.

9. เพชรรัตน์ แก้วดวงดี. ความชุกของความผิดปกติทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในกลุ่มอาชีพอุตสาหกรรมสิ่งทอ จังหวัดขอนแก่น. วารสารเทคนิคการแพทย์และกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2553;26:297-303.

10. นงลักษณ์ ทศทิศ. ความชุกของความผิดปกติทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในกลุ่มอาชีพตัดเย็บ จังหวัดขอนแก่น [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิต]. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2554.

11. แมนทรวง วงศ์อภัย. ภาวะสุขภาพจากการทำงานของทันตแพทย์ภาครัฐ จังหวัดเชียงใหม่ [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2551.

12. วิลาวัลย์ ชัยแก่น.ปัจจัยด้านการยศาสตร์และอัตราความชุกของอาการปวดทางโครงร่างและกล้ามเนื้อในคนงานโรงงานผลิตชิ้นส่วนสารกึ่งตัวนำ ในนิคม อุตสาหกรรมภาคเหนือ [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต]. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2549.

13. สันทนา วิเศษหลง. ผลกระทบจากการทำงานกะกับความเมื่อยล้าของพนักงานระดับปฏิบัติการในโรงงานอุตสาหกรรม [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2541.

14. พีรพงษ์ จันทราเทพ. ปัจจัยด้านการยศาสตร์และความชุกของการปวดหลังส่วนล่างในพนักงานเก็บขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดหนองบัวลำภู [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2554.

15. สุมิตรา รักสัตย์. ปัญหาความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อจากการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเย็บรองเท้า ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2550.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

31-03-2014

รูปแบบการอ้างอิง

1.
พันหา ศ, ล้อมพงศ์ ศ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเมื่อยล้าในพนักงานโรงงานผลิต อุปกรณ์ช่วยชีวิตทางทะเล ในเขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 31 มีนาคม 2014 [อ้างถึง 24 ธันวาคม 2025];40(1):72-9. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/154039

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ