อัตราการติดเชื้อเอชไอวีในเด็กที่เกิดจากแม่ติดเชื้อเอชไอวีในเขตสาธารณสุขที่ 3

ผู้แต่ง

  • แสงชัย สีมาขจร โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์
  • วันเพ็ญ ประเสริฐศรี ศูนย์อนามัยที่ 8 นครสวรรค์

คำสำคัญ:

การติดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก, เขตสาธารณสุขที่ 3

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยเชิงสำรวจแบบตัดขวาง (Cross - sectional survey) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา อัตราการแพร่เชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก การใช้ยาต้านไวรัสในแม่ติดเชื้อเอชไอวีและในเด็กที่เกิดจากแม่ติดเชื้อเอชไอวีตลอดจนปัญหาอุปสรรคในการติดตามเด็กมารับการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวี กลุ่มตัวอย่างคือเด็กที่เกิดจากแม่ติดเชื้อเอชไอวีทุกรายที่เกิดระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2545 ถึง 30 กันยายน 2547 จำนวน456 คน จากโรงพยาบาลทุกแห่งที่ดำเนินการป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก ในจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดพิจิตร และจังหวัดอุทัยธานี บันทึกข้อมูลโดยใช้แบบเก็บข้อมูลการติดตามเด็กที่เกิด จากแม่ติดเชื้อเอชไอวีเฉพาะราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยแสดงเป็นค่าความถี่และร้อยละ ผลการศึกษาพบว่าแม่ติด เชื้อเอชไอวี ได้รับบริการฝากครรภ์ร้อยละ 90.3 ได้รับยาต้านไวรัส Zidovudine (AZT) ในขณะตั้งครรภ์มากกว่าหรือ เท่ากับ 4 สัปดาห์ ร้อยละ 49.4 และได้รับในระหว่างคลอด ร้อยละ 85.8 เด็กที่เกิดจากแม่ติดเชื้อเอชไอวี ติดตาม ประวัติได้ 443 คน คิดเป็นร้อยละ 97.1 เป็นเด็กเกิดมีชีพ ร้อยละ 98.4 ได้รับยา AZT นาน 1 สัปดาห์ และ 6 สัปดาห์ ร้อยละ 48.6 และ 48.9 ตามลำดับ ได้รับยา Nevirapine (NVP) ร้อยละ 20.0 ความครอบคลุม การติดตามเด็กเพื่อตรวจเลือดวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวี ติดตามได้ร้อยละ 78.1 สาเหตุของการไม่ได้รับการ ตรวจเลือดในเด็กคือ ย้ายที่อยู่ไม่สามารถติดตามได้ร้อยละ 82.4 พบอัตราการแพร่เชื้อเอชไอวี จากแม่สู่ลูก ร้อยละ 7.8 การเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการฝากครรภ์ และการรับยาต้านไวรัสขณะตั้งครรภ์แก่แม่ติดเชื้อเอชไอวี การจัดระบบบริการของโรงพยาบาลให้มีการประสานงานอย่างต่อเนื่อง และมีการบันทึกข้อมูลที่สมบูรณ์ครบถ้วน น่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกได้มากขึ้น

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการปฏิบัติงาน การดำเนินงานเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวี จากแม่สู่ลูก และการดูแลแม่และลูกที่ติดเชอื้ เอชไอวี. กรุงเทพ : โรงพิมพช์ ุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2548.

2. Shearer WT , Quinn TC , La Russa P. Viral load and disease progression in infants infected with human immunodeficiency virus type 1. N Eng J Med. 1997; 336: 1337- 42.

3. Landsman SH, Kalish L, Burns DN. Obstetrical factors and the transmission of human immunodeficiency virus from mother - to - child. N Engl J Med. 1996; 334: 1617-23.

4. Minkoff H, Burns DN, Landesman S. The relationship of the duration of ruptured membranes to vertical transmission of human immunodeficiency virus. Am J Obstet Gynecol. 1995; 173: 585 - 9.

5. Bertolli J, St Louis ME, Simonds RJ. Estimating the timing of mother - to - child transmission of human immunodeficiency virus in a breast feeding population in kinshaha, Zaire. J Infect Dis. 1996; 174: 722 - 6.

6. ชัยยะ เผ่าผา, มลุลี แสนใจ, ตติยา สารริมา. ศึกษาการจัดระบบบริการเพื่อการติดตามและดูแล ทารกที่คลอดจากแม่ที่ติดเชื้อ HIV ของโรงพยาบาล ในพื้นที่เขต 7. อุบลราชธานี: ศูนย์อนามัยที่ 7; 2547.

7. เฉลิมพงษ์ ศรีวัชรกาญจน์. อัตราการติดเชื้อเอชไอวี จากมารดาสู่ทารก โดยการใช้ยา Zidovudine และ Nevirapine ในโรงพยาบาลสมุทรปราการ. วารสาร ควบคุมโรค 2546; 29: 264-72.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

30-03-2007

รูปแบบการอ้างอิง

1.
สีมาขจร แ, ประเสริฐศรี ว. อัตราการติดเชื้อเอชไอวีในเด็กที่เกิดจากแม่ติดเชื้อเอชไอวีในเขตสาธารณสุขที่ 3. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 30 มีนาคม 2007 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];33(1):60-8. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/153537

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ