การพัฒนาการมีส่วนร่วมของบุคลากรในการป้องอันการติดเชื้อปอดอักเสบ จากการใช้เครื่องช่วยหายใจ
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2015.26คำสำคัญ:
การมีส่วนร่วมของบุคลากร, การป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจบทคัดย่อ
หอผู้ป่วยอายุรกรรมชาย 1 และโรคหลอดเลือดสมอง มีผู้ป่วยหนักที่ใส่เครื่องช่วยหายใจเฉลี่ย 8 คน/วัน อัตราการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจเดือนมีนาคม 2556 เท่ากับ 16.10 ครั้ง/1,000 วันใช้เครื่องช่วยหายใจ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาของบุคลากรในการมีส่วนร่วมป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อพัฒนาการมีส่วนร่วมของบุคลากรในการป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ และศึกษาผลของพัฒนาการมีส่วนร่วมของบุคลากรในการป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจโดยเปรียบเทียบความรู้การปฏิบัติ แรงจูงใจ และความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพและผู้ช่วยเหลือคนไข้ก่อนและหลังการพัฒนาการมีส่วนร่วมของบุคลากรในการป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ การวิจัยนี้เป็นวิจัยเซิงปฏิบัติการ วิเคราะห์สถานการณ์ ศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้อง พัฒนาแนวปฏิบัตินำสู่การปฏิบัติโดยทีมมีส่วนร่วม ประกอบด้วยพยาบาลวิชาชีพ จำนวน 20 คน และผู้ช่วยเหลือคนไข้ จำนวน 13 คน พยาบาลประจำหน่วยป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล จำนวน 4 คน ผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจเดือนเมษายน-กันยายน 2556 เดือนตุลาคม 2556 - มีนาคม 2557 และเดือนเมษายน- ตุลาคม 2557 จำนวน 264, 246 และ 265 คน เก็บข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้แบบทดสอบความรู้ แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสอบถามแรงจูงใจและความพึงพอใจ เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการสนทนากลุ่ม การสัมภาษณ์ การสังเกตแบบมีส่วนร่วมและแบบไม่มีส่วนร่วม ประเมินผล วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ใช้สถิติค่าเฉลี่ย ร้อยละ และใช้ f-test, t-test และข้อมูลเชิงคุณภาพ นำมาวิเคราะห์เชิงเนื้อหาพบว่า พยาบาลวิชาชีพและผู้ช่วยเหลือคนไข้มีความรู้ (คะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70.00) ร้อยละ 69.00 และ 67.60 จากการสังเกตตามแบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมของพยาบาลวิชาชีพและผู้ช่วยเหลือคนไข้ ปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ ร้อยละ 71.12 และ 64.37 จากการตอบแบบสอบถามพบว่า พยาบาลวิชาชีพและผู้ช่วยเหลือคนไข้มีแรงจูงใจ ร้อยละ 68.89 และ 66.38 พึงพอใจที่จะปฏิบัติ ร้อยละ 69.72 และ 66.44 จากสภาพปัญหาบุคลากรก่อนการพัฒนาพบว่า มีความรู้ความเชี่ยวชาญแตกต่างกันมาก ขาดแรงจูงใจ ขาดการมีส่วนร่วมและอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ผู้วิจัยได้พัฒนาการมีส่วนร่วมในการป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยการพัฒนาความรู้ความสามารถ สร้างแรงจูงใจ กระบวนการมีส่วนร่วม การทำงานเป็นทีม พัฒนาทางเลือก พัฒนาแนวปฏิบัติ และจัดหาอุปกรณ์ให้เพียงพอ ผลการพัฒนาพบว่า พยาบาลวิชาชีพและผู้ช่วยเหลือคนไข้มีความรู้ มีการปฏิบัติ มีแรงจูงใจ และความพึงพอใจหลังการพัฒนาการมีส่วนร่วมของบุคลากรในการป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ รอบที่ 1, 2 และ 3 มากกว่าก่อนการพัฒนา ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และพบว่า อัตราการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจทุก 6 เดือน ระหว่างเมษายน 2556 - กันยายน 2557 ลดลงจาก 5.15 ลดลงเหลือ 2.52, 2.69 และ 0.95 ครั้ง/1,000 วันใช้เครื่องช่วยหายใจ ตามลำดับ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. งานป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล. อัตราการติดเชื้อในโรงพยาบาล. พิษณุโลก: โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก; 2555.
3. หอผู้ป่วยอายุรกรรมชาย 1 และโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก. สารสนเทศหอผู้ป่วยอายุรกรรมชาย 1 และโรคหลอดเลือดสมอง ประจำปีงบประมาณ 2555. พิษณุโลก: โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก; 2555.
4. สมหวัง ด่านชัยวิจิตร, ศิรีวรรณ สิริกวิน, ปรีชา ตันธนาธิป, คัคนางค์ นาคสวัสดิ์. คู่มือปฏิบัติเพื่อการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 14 พ.ค. 2556]. แหล่งข้อมูล: www.bamras.org/userfiles/10_.pdf
5. Jenifer S, Gyles o, Karol A, Boerlin p. Nosocromial infection and antimicrobial resistance in critical care medicine. Journal of Veterinary Emergency and Critical Care 2006; 16:1-18.
6. B.s. Niel-Weise, J.c. Wille, P.J. van den Broek. An educational intervention to reduce Ventila¬tor-associated Pneumonia in an Integrated health system: A comparison of effects. Chest Journal [Internet]. 2004 [cited 2007 May 2];125 :2224-31. Available from: http://journal. publications.chestnet.org/article.aspx? articleid = 1082 5 6 5&issueno = 6&ijkey = 3 020d25d7bb57aaa5a0c5ecf54c87f486fba213 d&keytype2=tf_ipsecsha&linkType=ABST& joumalCode=chest& resid= 125/6/2224
7. ราวรรณย์ ศรีคล้าย, อภิญญา ท่าคีรี, สุภาพร สุวรรณก้อน, ยุทธการ เบ็ญชา, จุฑาทิพย์ สิงห์โตทอง. ผลของการพัฒนาแนวทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตามแนวทางปฏิบัติเพื่อลดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 19 เม.ย. 2556]. แหล่งข้อมูล: http:// ppkhosp.go.th/ppkjournal/ePoster/showabstract.asp? SysID=l
8. การศึกษาผลกระทบของการเกิดปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 22 พ.ค. 2556]. แหล่งข้อมูล: http:// arc hive. lib. cmu.ac.th /full/T / 2 5 5 1 / nuicO 5 51 ts_ch2 .pdf
9. คณะกรรมการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก. วิธีปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลของระบบหายใจส่วนล่าง [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 24 พ.ค. 2556]. แหล่งข้อมูล: http://bud-hosp/ic/
10. ฉวีวรรณ ธงชัย. การพัฒนาแนวปฏิบัติทางคลินิก Clinical Practice Guidelines Development. วารสารสภาการพยาบาล 2548;2:24-5.
11. วินัย เพชรช่วย. การจูงใจในการทำงาน [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 25 พ.ค. 2556]. แหล่งข้อมูล: http://boonaon.files.wordpress.com/2011/11/e0b881e0b8b 2e0b8a3e0b888e0b8b9e0b887e0b983e 0b888e0b983e0b899e0b881e0b8b2e0b8a 3e0b897e0b8b3e0b887e0b8b2e0b899.pdf
12. ณภัทร บรรลังค์. ทฤษฎีแรงจูงใจ [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 29 พ.ค. 2556]. แหล่งข้อมูล: https:// www.l3nr.org/posts/4 2 5512
13. ปาริชาต คุณวงศ์, ภิญญดา กองแก้ว. เปรียบเทียบการเปลี่ยนชุดสายต่อเครื่องช่วยหายใจทุก 7 วัน กับทุก 14 วัน ต่ออุบัติการณ์ปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจและค่าใช้จ่ายใน ICU โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 29 พ.ค. 2556]. แหล่งข้อมูล: http://www.ppkhosp.go.th/ ePoster/poster/R2R-0- l.pdf
14. มณีรัตน์พากเพียร. ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมองค์การแบบสร้างสรรค์และการทำงานเป็นทีมต่อการจัดการคุณภาพโดยองค์รวม ของหัวหน้าหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาล [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 30 พ.ค. 2556]. แหล่งข้อมูล: http://digital_collect.lib.buu.ac.th/ thesis / searching .php ? M AUTHOR=%20%C1% B3#D5*>C3% D1 %B5^B9^EC%20%BE'’/<. D2 o/o A1 °/oE0°/oBEo/oD5°/oC2°/oC3
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


