การพัฒนาประสิทธิผลการดำเนินงานป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคในโรงพยาบาล
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2016.32คำสำคัญ:
ประสิทธิผลการดำเนินงานป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคโรงพยาบาลบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินประสิทธิผลการดำเนินงานป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคในโรงพยาบาล มีการออกแบบการวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนา ประชากรและกลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลในงานป้องกันควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล พยาบาลวิชาชีพในคลินิกวัณโรคและนักอาชีวอนามัยใน โรงพยาบาล ทั้งนี้มีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น และคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างด้วยสัดส่วนประชากร ได้จำนวน 310 คน โดยแบ่งดำเนินการวิจัยออกเป็น 3 ระยะ คือ (1) ระยะเตรียมการ เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ของการดำเนินงานป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคในโรงพยาบาล (2) ระยะดำเนินการวิจัย เป็นการพัฒนาแผน ปฏิบัติการ การพัฒนาคู่มือปฏิบัติงาน การพัฒนาสมรรถนะบุคลากร และการกำกับติดตามทุกสามเดือน (3) ระยะการประเมินผล โดยใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการสังเกตพฤติกรรมและแบบประเมิน โดยเครื่องมือที่ใช้ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน และหาความเชื่อมั่นของเครื่องมือโดยใช้ครอนบาค แอลฟา ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.83 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน และไคสแควร์ และข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า (1) สภาพปัญหาการดำเนินงานป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคในโรงพยาบาลคือ ขาดแผนปฏิบัติการเฉพาะเจาะจงเรื่องการป้องกัน ควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค (2) ผลการพัฒนาแผนปฏิบัติการ พบว่า เกิดแผนปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม จำนวน 4 แผน (3) เกิดคู่มือปฏิบัติงานด้านการป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคในโรงพยาบาล (4) ผลการพัฒนาสมรรถนะบุคลากร พบว่า บุคลากรสุขภาพในโรงพยาบาลร้อยละ 98.00 มีสมรรถนะด้านการป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น (5) ผลการกำกับติดตาม พบว่า มีตัวชี้วัดการดำเนินงานป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคในโรงพยาบาลทุกสามเดือน (6) ผลการประเมินประสิทธิผลการดำเนินงานป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคในโรงพยาบาล พบว่า มีระดับผลการดำเนินงานแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้ ควรมีนโยบายเฉพาะและประเมินประสิทธิผลการดำเนินงานป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเชื่อมโยงผลการดำเนินงานป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคกับอัตราการป่วยเป็นวัณโรคปอด และระยะเวลาที่ใช้บริการของผู้ป่วยวัณโรค/สงสัย รวมทั้งระยะเวลาการสัมผัสเชื้อวัณโรคของบุคลากรสุขภาพในโรงพยาบาล
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์. สถานการณ์วัณโรคของประเทศไทยและแนวทางแก้ไข. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย 2554;1:232.
3. สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการบริหารจัดการผู้ป่วยวัณโรค. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2558.
4. สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการดำเนินงานควบคุมวัณโรคแห่งชาติ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์; 2556.
5. American Association of Respiratory Care. Clinical Practice Guideline. Respiratory Care 2006;41:647-53.
6. Asimos AW, Kaufman JS, Lee CH, Griffith DE, Hardeman JL, Zhang Y, et al. Tuberculosis exposure risk in emergency medicine residents. Academics Emergency Med 2009;6:1044-9.
7. Association of Professionals in Infection Control and Epidemiology, Inc (APIC). The Infection Control and Epidemiology. St. Louis, Missouri: Mosby Year Book Inc; 2006.
8. Centers of Disease Control and Prevention. Guidelines for preventing the transmission of Mycobacterium tuberculosis in health-care settings. Atlanta: Brochure Book Inc; 2009.
9. Francis J. Curry National Tuberculosis Center. Tuberculosis infection control plan template for hospital. San Francisco: Linda Kittliz & Association; 2008.
10. Griffith DE, Hardeman JL, Zhang Y, Asimos AW, Kaufman JS, Lee CH, et al. Tuberculosis outbreak among healthcare workers in a community hospital. Am J Respir Crit Care Med 2005; 152:808-11.
11. Anthony, W.P. (n.d). Participative management. Manila, Philippines: Addison Wesley Publishing Company; 2008.
12. Bass, B. The Bass handbook of leadership: Theory, research, and managerial applications. New York, NY: Simon & Schuster; 2010.
13. Herzberg F, Mausner B, Peterson R, Cap-well D. Job attitudes: Review of research and opinion. Pittsburg: Psychological Service of Pittsburg; 2009.
14. House R.J, A.C. Filley, S. Kerr. Managerial process and organization behavior. Illinois: Scott, Foresman and Company; 2006.
15. Kotter J.P. A force for change: How leadership differs from management. New York, NY: Free Press. (2000b).
16. North house P.G. Leadership: theory and practice. 2nd ed. New York: Sage Publication; 2001.
17. Lunenburg F. C. Leadership versus management: A key distinction in theory and practice. Houston, TX: The NCPEA Press/Rice Universi¬ty; 2007.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


