ความชุกของโรคหนอนพยาธิและพยาธิใบไม้ตับในพื้นที่เสี่ยงเขตสุขภาพที่ 7
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2016.31คำสำคัญ:
ความชุก, โรคหนอนพยาธิ, พยาธิใบไม้ตับบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ (cross-sectional survey analysis research) ครั้งนี้ เพื่อหาอัตราความชุกของการติดโรคหนอนพยาธิและพยาธิใบไม้ตับ โดยมีพื้นที่ในการศึกษาจำนวน 4 จังหวัด ในความรับผิดชอบของเขตสุขภาพที่ 7 ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ การวิจัย แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 การตรวจหาการติดโรคหนอนพยาธิและพยาธิใบไม้ตับ โดยใช้การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ด้วยวิธีโมดิฟายด์ คาโต้ แคทซ์ (Modified Kato Katz method) กับส่วนที่ 2 การทำแบบสัมภาษณ์ เพื่อหาข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง ในการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปจะใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ การเก็บข้อมูลจะใช้วิธีการสุ่มแบบ 30 clusters ได้จำนวนทั้งสิ้น 2,336 คน โดยศึกษาในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556 ถึงเดือนตุลาคม 2557 ผลการศึกษากลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชาย ร้อยละ 44.40 เพศหญิง ร้อยละ 55.60 ส่วน มากอยู่ในช่วงอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 50 ปี มากที่สุดร้อยละ 45.50 อายุเฉลี่ยประมาณ 46.43 ปี อายุต่ำสุด 11 ปี อายุสูงสุด 91 ปี ระดับการศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษามากที่สุด ร้อยละ 61.10 อาชีพทำนา/ทำสวนมากที่สุด ร้อยละ 63.30 กลุ่มตัวอย่างตรวจพบโรคหนอนพยาธิทั้งหมดจำนวน 420 คน (ร้อยละ 17.98) ตรวจไม่พบโรคหนอนพยาธิ จำนวน 1,916 คน (ร้อยละ 82.02) โดยพบติดโรคพยาธิใบไม้ตับ 348 คน (ร้อยละ 14.89) พยาธิตืด 29 คน (ร้อยละ 1.24) พยาธิใบไม้ลำไส้ขนาดกลาง 18 คน (ร้อยละ 0.77) พยาธิปากขอ 2 คน (ร้อยละ 0.09) และหนอนพยาธิอื่น ๆ 23 คน (ร้อยละ 0.99) อย่างไรก็ดี กลุ่มที่ติดโรคหนอนพยาธิจะได้รับการรักษาโดยการให้ยารักษาโรคหนอนพยาธิจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และควรจะมีการติดตามตรวจซ้ำหาการติดโรคหนอนพยาธิในผู้ที่เคยติดโรคหนอนพยาธิ ส่วนผู้ไม่ติดโรคหนอนพยาธิก็ให้ความรู้ในการป้องกันโรคหนอนพยาธิ และติดตามเฝ้าระวังการติดโรคหนอนพยาธิในปีต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. เกษร แถวโนนงิ้ว. ระบาดวิทยาของโรคหนอนพยาธิที่เป็นปัญหาในพื้นที่. ใน: เกษร แถวโนนงิ้ว, เสรี สิงห์ทอง, บรรณาธิการ. Update ความรู้เรื่องโรค หนอนพยาธิสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนักเทคนิคการแพทย์เพื่อการป้องกันควบคุมโรค. ขอนแก่น: โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา; 2557. หน้า 9-25.
3. พิศาล ไม้เรียง, เอมอร ไม้เรียง. อดีต ปัจจุบันและอนาคตในการต่อสู้เพื่อเอาชนะพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี. วารสารอายุรศาสตร์อีสาน 2554; 10 :8-23.
4. ฐิติมา วงศาโรจน์, ดวงเดือน ไกรลาศ, พงศ์ราม รามสูตร, วิชิต โรจน์กิตติคุณ, วรยุทธ นาคอ้าย, นันทวัน แก้วพู ลศรี .รายงานผลการศึกษาสถานการณ์โรคหนอนพยาธิและโปรโตซัวของประเทศไทย พ.ศ. 2552. กรุงเทพมหานคร: สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค; 2552.
5. เกษร แถวโนนงิ้ว, เสรี สิงห์ทอง. Update ความรู้เรื่องโรคหนอนพยาธิสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และนักเทคนิคการแพทย์เพื่อการป้องกันควบคุมโรค. ขอนแก่น: โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา; 2557.
6. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. ความรู้พื้นฐานโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี. ขอนแก่น: โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา; 2554.
7. เสรี สิงห์ทอง, อรวรรณ แจ่มจันทร์. การตรวจไข่พยาธิและประเมินความรุนแรงของโรค และการวัดระดับความรุนแรงของโรคหนอนพยาธิ. ใน: เกษร แถวโนนงิ้ว, เสรี สิงห์ทอง, บรรณาธิการ. Update ความรู้เรื่องโรคหนอนพยาธิสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และนักเทคนิคการแพทย์เพื่อการป้องกันควบคุมโรค. ขอนแก่น: โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา; 2557. หน้า 52-7.
8. กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการตรวจหนอนพยาธิ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์การศาสนา กรมการศาสนา; 2541.
9. ชาญชัยณรงค์ ทรงคาศรี, สงัด เจริญรบ, ไพโรจน์ สีใส, สีนวล พลบำรุง. ความชุกของโรคหนอนพยาธิและความรุนแรงของพยาธิใบไม้ตับ พยาธิปากขอ จังหวัดขอนแก่นและกาฬสินธุ์ ปี 2544. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ขอนแก่น 2547; 11:45-54.
10. สมคิด จันที, สุพจน์ สิงโตหิน, สีนวล พลบำรุง, บุญจันทร์ จันทรมหา. ความชุกของโรคหนอนพยาธิลำไส้ และความรุนแรงของพยาธิใบไม้ตับและพยาธิปากขอในจังหวัดสกลนคร ปี พ.ศ. 2545. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ขอนแก่น 2547; 11:7-13.
11. กองแผนงาน กรมควบคุมโรค. จุดเน้นและกรอบการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ 5 ปี (พ.ศ. 2557-2561) กรมควบคุมโรคเพื่อผลักดันสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ปี 2563 ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2557. การประชุมการทำแผนปฏิบัติการปี 2559; วันที่ 19 พฤษภาคม 2558; ห้องประชุมราชพฤกษ์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ขอนแก่น, ขอนแก่น. ขอนแก่น: 2558.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


