การประเมินความพร้อมระบบตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขในระดับจังหวัด และอำเภอ เขตสุขภาพที่ 7 : กรณีศึกษาการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ปี 2559

ผู้แต่ง

  • เกษร แถวโนนงิ้ว สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น
  • เชิดพงษ์ มงคลสินธุ์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น
  • วันทนา กลางบุรัมย์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น

DOI:

https://doi.org/10.14456/dcj.2017.10

คำสำคัญ:

ระบบการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข, โรคติดเชื้อไวรัสซิกา, ความพร้อม

บทคัดย่อ

การศึกษานี้เป็นการวิจัยประเมินผล เพื่อประเมินความพร้อมระบบตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ในระดับจังหวัดและอำเภอ กรณีศึกษาการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ปี 2559 ด้านปัจจัยนำเข้kกระบวนการ ผลผลิต การสะท้อนกลับ พื้นที่ศึกษาคือ จังหวัดและอำเภอในเขตสุขภาพที่ 7 ประกอบด้วย 4 จังหวัด และ 6 อำเภอ ที่มีการรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสซิกา กลุ่มตัวอย่าง แบ่งเป็น (1) ผู้บริหาร 20 คน (2) เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับการแต่งตั้งและปฏิบัติงาน เพื่อตอบโต้ภาวะฉุกเฉินของศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินระดับจังหวัด (4 จังหวัดๆ ละ 5 คน) รวม 20 คน และระดับอำเภอ (6 อำเภอ) รวม 51 คน รวมทั้งสิ้น 71 คน และ (3) ประชาชน 400 คน เก็บข้อมูล ด้วยแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ สนทนากลุ่ม และเอกสารที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยจำนวน ร้อยละ ข้อมูลเชิงคุณภาพ ด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลประเมินปัจจัยนำเข้า พบระดับจังหวัดมีนโยบายชัดเจน มีศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทุกแห่ง บุคลากรผ่านการอบรมเรื่องการจัดการภาวะฉุกเฉิน ร้อยละ 50.0 มีการจัด ทำแผนเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน และมีการเฝ้าระวังความเสี่ยงของโรคและภัยในพื้นที่ ครอบคลุม ทุกจังหวัด ส่วนระดับอำเภอพบว่า 4 อำเภอ ใน 6 แห่ง มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบัญชาการเหตุการณ์และกำหนด ขอบเขตหน้าที่ชัดเจน ทุกอำเภอสามารถเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินได้ บุคลากรเคยผ่านการอบรมมีร้อยละ 5.9 มีการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ร้อยละ 50.0 มีการฝึกซ้อมแผน ร้อยละ 100 มีการเฝ้าระวัง ความเสี่ยงของโรคและภัย ร้อยละ 80.4 ผลการประเมินกระบวนการพบว่า ระดับจังหวัดมีระบบข้อมูลสามารถนำมาใช้ในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ร้อยละ 85.0 สิ่งสนับสนุนต่อการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน (งบประมาณและวัสดุอุปกรณ์) มีเพียงพอ มีการสื่อสารความเสี่ยงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง ร้อยละ 90.0 และมีการติดตามผลการปฏิบัติงาน ในพื้นที่ ร้อยละ 85.0 อย่างไรก็ตาม มีบุคลากรที่สามารถตอบโต้ภาวะฉุกเฉินเพียงร้อยละ 60.0 ระดับอำเภอพบว่า ระบบข้อมูลสามารถนำมาใช้ในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินมีร้อยละ 80.4 สิ่งสนับสนุนต่อการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินมี เพียงพอ มีการสื่อสารความเสี่ยงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง ร้อยละ 86.3 และมีการติดตามผลการปฏิบัติงาน ในพื้นที่ ร้อยละ 80.4 แต่มีบุคลากรที่สามารถตอบโต้ภาวะฉุกเฉินเพียงร้อยละ 58.8 เมื่อพิจารณาผลผลิตพบว่า จังหวัดและอำเภอสามารถควบคุมโรคได้ร้อยละ 75.0 และ 83.3 และอำเภอที่มีค่าดัชนีลูกน้ำ HI, CI = 0 เมื่อครบ 28 วัน หลังพบผู้ป่วยรายแรก มีร้อยละ 66.7 ประชาชนมีความรู้และปฏิบัติตนในการป้องกันควบคุมโรค ร้อยละ 85.5 และ 78.6 ตามลำดับ และมีการคืนข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ ผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปรับปรุงงานในพื้นที่ องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จคือ ภาวะผู้นำผู้บัญชาการเหตุการณ์ ข้อมูลที่สามารถตรวจจับความผิดปกติ ได้เร็ว การประสานงาน และความร่วมมือของภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ด้านปัญหาอุปสรรคคือ เจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ขาดความรู้เกี่ยวกับการจัดการภาวะฉุกเฉิน ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน และระบบบัญชาการเหตุการณ์ บุคลากร เปลี่ยนบ่อย มาตรการจากส่วนกลางที่เปลี่ยนบ่อย และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันควบคุมโรคน้อย จากผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า ควรเร่งรัดการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้เกี่ยวกับการจัดการ ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน และระบบบัญชาการเหตุการณ์สำหรับทุกภัยสุขภาพ ให้มีขึ้นทุกระดับ และเชื่อมโยงประสานกัน ตลอดจน การจัดบุคลากรรับผิดชอบในโครงสร้างระบบบัญชาการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามบทบาทที่ถูกคาดหวังได้

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย. การลดความ เสี่ยงจากภัยพิบัติสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน. ก รุง เ ท พ มหานคร: สำนักงานโครงการพัฒนาสหประชาชาติ; 2557.

2. World Health Organization. WHO checklist for influenza pandemic preparedness planning World Health Organization [Internet]. 2005 [cited 2017 Jan 6]. Available from: http://www.who.int/ csr/resources/publications/influenza/WHO_ CDS_CSR_GIP_2005_4/en

3. สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวง สาธารณสุข. กรอบแนวทางการพัฒนาศูนย์ปฏิบัติ การภาวะฉุกเฉิน และระบบบัญชาการเหตุการณ์ใน ภาวะทางสาธารณสุข กรมควบคุมโรค พ.ศ. 2559- 2564. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย; 2559.

4. World Health Organization. Zika virus outbreak global response: interim report May 2016. World Health Organization [Internet]. 2017 [cited 2017 May 6]. Available from: http://www.who.int/ iris/handle/10665/207474

5. World Health Organization. Zika situation report [Internet]. 2017 [cited 2017 Jan 6]. Available from: http://www.who.int/emergencies/zika -virus/situation-report/Zika-timeline-2017. png?ua=1

6. สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวง สาธารณสุข. DDC WATCH จับตาโรคและภัยสุขภาพ ปีที่ 3 ฉบับพิเศษ ก.พ. 2559 [อินเทอร์เน็ต]. 2559 [สืบค้นเมื่อ 6 ม.ค. 2560]. แหล่งข้อมูล: http:// www.boe.moph.go.th

7. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น. สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาและการดำเนินงาน ป้องกันควบคุมโรค เขตสุขภาพที่ 7. ขอนแก่น: สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น; 2559.

8. Kate KE, Nikkita G, Marc A, Adam S, Deborah B, John L, et al. Global trends in emerging infectious disease. Nature 2008;451:990-3.

9. สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ. โรคติดต่ออุบัติใหม่ 2552 [อินเทอร์เน็ต]. 2559 [สืบค้นเมื่อ 6 ม.ค. 2560]. แหล่งข้อมูล: https://www.samatcha.org/node/92

10. ขนิษฐา พุกกะณานนท์. การศึกษาแนวทางการ บริหารจัดการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ [รายงานการศึกษาอิสระปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิ ต]. ขอนแก่น:วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2551. 150 หน้า.

11. พันธุ์ทิพย์ รามสูตร, สมใจ ประมาณผล, บังอร เทพ เพียร. ความต้องการและความพร้อมขององค์กรใน การสร้างเสริมสมรรถนะด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค. วารสารสาธารณสุขและการพัฒนา 2551;6:1-10.

12. วิไลวรรณ นาเงิน, สุทัศน์ กองขุนทด. รูปแบบการ บริหารจัดการสาธารณภัยของหน่วยงานสังกัด กระทรวงสาธารณสุข ตามแผนป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย ด้านการแพทย์
และสาธารณสุข. วารสาร แพทย์เขต 4-5 2559;35:188-97.

13. Anbari F. T. A systems approach to project evaluation. Project Management Journal 1985;16:21-6.

14. วรยา เหลืองอ่อน, กิตติ์พงษ์ สัญชาตวิรุฬ, ยงเจือ เหล่าศิริถาวร, โสภณ เอี่ยมศิริถาวร, ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร, ศศิธร ตั้งสวัสดิ์, และคณะ. การจัดการ ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข; วันที่ 6-19 กันยายน 2558; ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐ อเมริกา ประเทศสหรัฐอเมริกา, แอตแลนต้า. นนทบุรี: 2558. หน้า 1-14.

15. รพีพรรณ เดชพิชัย. การประสานข้อสั่งการและการ บริหารจัดการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการควบคุม โรคและภัยสุขภาพ กรณีศึกษา : การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก สำนักโรค ติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค สิงหาคม 2557 - กุมภาพันธ์ 2558. วารสารควบคุมโรค 2559;42: 371-85.

16. อรนุช พิศาลสุทธิกุล, สุเมธ พรหมอินทร์, วันชัย ธรรมสัจการ. พฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออก ของประชาชน กรณีศึกษา: หมู่บ้านในเขตตำบล ควนโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสตูล. สงขลานครินทร์ เวชสาร 2552;27:81-9.

17. สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. การประเมินผลการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกภาพรวมระดับ ประเทศ ปี 2554. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2554.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

29-12-2017

รูปแบบการอ้างอิง

1.
แถวโนนงิ้ว เ, มงคลสินธุ์ เ, กลางบุรัมย์ ว. การประเมินความพร้อมระบบตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขในระดับจังหวัด และอำเภอ เขตสุขภาพที่ 7 : กรณีศึกษาการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ปี 2559. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 29 ธันวาคม 2017 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];43(4):448-59. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/151931

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ