ระบาดวิทยาเชิงพรรณนาวัณโรคดื้อยาหลายขนาน โรงพยาบาลมะการักษ์ ปี 2550-2558
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2017.6คำสำคัญ:
วัณโรคดื้อยาหลายขนาน, ระบาดวิทยาเชิงพรรณนาบทคัดย่อ
จำนวนผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานที่รายงานโดยโรงพยาบาลมะการักษ์ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2550 ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนาน ที่พบในระหว่างปี 2550 ถึงมิถุนายน 2558 โดยจัดเก็บข้อมูลจากทะเบียน เวชระเบียน และฐานข้อมูลต่างๆ ของโรงพยาบาล ดำเนินการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงกันยายน 2558 และวิเคราะห์ระบาดวิทยาเชิงพรรณนา และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจสภาพปัญหาและเสนอแนะแนวทางการจัดการป้องกันควบคุมและดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานให้มีประสิทธิผลมากขึ้น ผลการศึกษาพบว่า มีข้อมูลจากผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานที่นำมาทบทวนได้ 240 ราย พบว่า ข้อมูลจำนวนหนึ่งมีไม่ครบถ้วน จากข้อมูลที่วิเคราะห์ได้พบว่า อัตราการพบผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานต่อผู้ป่วยวัณโรครวม เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.7 ในปีงบประมาณ 2550 เป็นร้อยละ 17.2 ในปีงบประมาณ2554 และลดลงเป็นร้อยละ 8.8 ในปีงบประมาณ 2558 จากข้อมูลที่มีอยู่พบว่า สัดส่วนผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานรายใหม่ ต่อผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานที่เคยรักษามาก่อน เท่ากับ 1.67:1 พบผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานที่เป็นคนต่างด้าว 2 ราย (ร้อยละ 0.8) ในภาพรวมพบผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนาน เป็นเพศชายร้อยละ 50.8 และเพศหญิงร้อยละ 47.1 นอกจากนั้นไม่มีข้อมูลเรื่องเพศ ผู้ป่วยกระจายมาจากทุกกลุ่มอายุ โดยร้อยละ 45.5 มีอายุระหว่าง 21-45 ปี ผู้ป่วยร้อยละ 82.4 อาศัยในอำเภอท่ามะกาโดยกระจายมาจากทุกตำบลส่วนที่เหลืออาศัยในอำเภออื่น ๆ ในจังหวัดเดียวกันและจังหวัดอื่น ผลการตรวจความไวต่อยาพบว่า เชื้อวัณโรคดื้อยาหลายชนิด ในส่วนของผลการรักษามีข้อมูลในผู้ป่วย 177 ราย ไม่มีข้อมูล 63 ราย ในกลุ่มที่มีผลการรักษาพบว่ารักษาหาย 77 ราย (ร้อยละ 43.5) รักษาครบ 39 ราย (ร้อยละ 22.0) ขาดนัด 14 ราย (ร้อยละ 7.9) ไปรับรักษาที่อื่น 2 ราย (ร้อยละ 1.1) รักษาล้มเหลว 5 ราย (ร้อยละ 2.8) อื่น ๆ 1 ราย (ร้อยละ 0.6) และเสียชีวิต 39 ราย (ร้อยละ 22.0) สำหรับผลการรักษาในผู้ป่วยดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรงมาก 12 ราย และชนิดรุนแรง 1 ราย รวม 13 ราย พบว่า ยังอยู่ระหว่างการรักษา 1 ราย (ร้อยละ 7.7) ขาดนัดและรักษาล้มเหลว กลุ่มละ 3 ราย(ร้อยละ 23.1) และเสียชีวิต 6 ราย (ร้อยละ 46.1) แม้การวิจัยครั้งนี้จะมีข้อจำกัดเรื่องความไม่ครบถ้วนของข้อมูลแต่ก็ได้ทำให้เข้าใจในระบาดวิทยา ความรุนแรงและขนาดของปัญหา รวมทั้งแนวโน้มที่คาดว่า จะยังคงมีผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานเพิ่มขึ้น และอาจขยายไปยังพื้นที่อื่นได้ ข้อเสนอแนะจากการวิจัย ได้แก่ ควรเร่งรัดการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์วัณโรคดื้อยาหลายขนานอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ควรวิจัยและพัฒนาแนวทางการป้องกันควบคุมการตรวจวินิจฉัย การดูแลรักษา และการกำกับติดตามการรักษาผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนาน และควรวิจัยและพัฒนาระบบข้อมูล เพื่อสนับสนุนการดำ เนินงานรวมทั้งขยายผลการดำเนินงานป้องกันควบคุม และดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนาน ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ที่อาจพบผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานได้ต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. Payanandana V, Rienthong D, Rienthong S, Ratanavichit L, Kim SJ, Sawert H. Surveillance for antituberculosis drug resistance in Thailand:results from a national survey. Thai J Tuberc Chest Dis 2000;21:1-8.
3. WHO/IUATLD Global Project on Anti-Tuberculosis Drug Resistance Surveillance, 1999-2002. Anti-tuberculosis drug resistance in the world: third global report. Singapore: World Health Organization; 2004.
4. ยุทธิชัย เกษตรจินดา, ธนิดา เหรียญทอง, สมศักดิ์ เหรียญทอง, ศรีประพา เนตรนิยม. ผลการเฝ้าระวังการดื้อยาวัณโรค รอบที่ 3 พ.ศ. 2549-2550 และแนวโน้มการดื้อยา เปรียบเทียบกับการสำรวจรอบที่1 พ.ศ. 2540-2541 และการสำรวจครั้งที่ 2 พ.ศ. 2544-2545. วารสารควบคุมโรค 2551;34:30 - 9.
5. World Health Organization. Global tuberculosis report 2015. Geneva: World Health Organization;2015.
6. เอกจิตรา สุขกุล. สถานการณ์เชื้อวัณโรคดื้อยาหลายขนานในโรงพยาบาลมะการักษ์ ปี พ.ศ. 2545-2550. วารสารวัณโรค โรคทรวงอก และเวชบำบัดวิกฤติ 2551;29:103-13.
7. ชุลีพร จิระพงษา, ธนพล หวังธีระประเสริฐ,ณรงค์ เห็นประเสริฐแท้, จันทิรา สุขะสิฐษ์วณิชกุล,นาฎพธู สงวนวงศ์, ลัดดาวัลย์ ปัญญา, และคณะ.การระบาดของวัณโรคดื้อยาในชุมชน อ.ท่ามะกาจ.กาญจนบุรี 2545 - มิถุนายน 2553. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย 2554;1:261-71.
8. Oeltmann JE, Varma JK, Ortega L, Liu Y,O’Rourke T, Cano M, et al. Multidrug-resistanttuberculosis outbreak among US-bound Hmong refugees, Thailand, 2005. Emerg Infect Dis2008;14:1715-21.
9. สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค. แนวทางการดำเนินงานควบคุมวัณโรคแห่งชาติ พ.ศ. 2556 ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2556.
10. สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค. แนวทางการบริหารจัดการผู้ป่วยวัณโรคดื้อยา. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุม
สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2558.
11. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. คู่มือบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ2560 การบริหารงบบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ และการบริหารงบผู้ป่วยวัณโรค. กรุงเทพมหานคร: แสงจันทร์การพิมพ์; 2559.
12. สินสมุทร จันทร์ทอง. โปรแกรมบริหารงานคลินิกวัณโรค : คู่มือการใช้โปรแกรม TBCM2010 ฉบับปรับปรุงล่าสุด; เชียงใหม่: โรงพยาบาลสันกำแพง; 2559.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


