ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ของคนงานรับจ้างฉีดพ่นสารเคมี ตำบลดงประคำ อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2017.17คำสำคัญ:
คนงานรับจ้างฉีดพ่น, ทัศนคติ, ความรู้, พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชบทคัดย่อ
กลุ่มคนงานรับจ้างฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัส สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมากกว่าชาวนาทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มคนงานที่รับจ้างในพื้นที่ที่มีการทำนาปรัง เนื่องจาก มีการเพาะปลูกถึง 3 รอบต่อปี งานวิจัยนี้ทำการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง (cross-sectional descriptive studies) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากสารเคมีกำจัด ศัตรูพืชของคนงานรับจ้างฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในตำบลดงประคำอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก โดยนำแนวแนวคิดทฤษฎี ความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรม (KAP theory) มาประยุกต์ใช้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลโดย ใช้แบบสอบถามจากคนงานรับจ้างฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืช จำนวน 30 คน และนำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ เชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมานคือ สถิติไคสแควร์ (chi-square) ผลการศึกษา พบว่า คนงานรับจ้างฉีดพ่นสารเคมี กำจัดศัตรูพืชส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 63.3) ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความรู้ (ร้อยละ 66.7) และทัศนคติ (ร้อยละ 96.7) เกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากสารเคมี กำจัดศัตรูพืชอยู่ในระดับสูง และจากการศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากสารเคมี กำจัดศัตรูพืชของคนงานรับจ้างฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืชพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านความรู้และปัจจัย ด้านทัศนคติ ไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมกาป้องกันตนเองจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช อย่างไรก็ตาม พบว่า โรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูงและภูมิแพ้ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากสารเคมีกำจัด ศัตรูพืช อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับความเชื่อมั่น 95% (p=0.03) จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การให้ความรู้ แก่ประชากรเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถช่วยให้มีการป้องกันตนเองจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชได้ เนื่องจาก ส่วนใหญ่ยังคงยึดความเคยชิน และความสะดวกในการทำงานโดยให้เหตุผลว่า อุปกรณ์ราคาแพง ไม่ถนัด เสียเวลา และอากาศร้อน จึงไม่ใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเองจากสารเคมีจัดศัตรูพืช และคนงานรับจ้างฉีดพ่นส่วนใหญ่ร้อยละ 90.0 ไม่เคยได้รับการตรวจเลือดหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในร่างกาย ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็น ต้องตรวจเฝ้าระวังหาสารเคมีในเลือดของเกษตรกรกลุ่มเสี่ยง เพื่อเพิ่มความตระหนักในเรื่องอันตรายต่อสุขภาพ จากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช และหากลวิธีในการทำให้เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้สาร เคมีให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. กันทิมา ลีจันทึก. ไทยนำเข้าสารพิษเกษตรอันดับ 5 ของโลก [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 3 ก.ย. 2558]. แหล่งข้อมูล: http://www.thaihealth.or.th/ Content/22316-ไทยนำเข้าสารพิษเกษตรอันดับ %205%20ของโลก%20.html
3. กองระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข. สรุปรายงาน การเฝ้าระวังโรค ปี 2547. กรุงเทพมหานคร: องค์กร รับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์; 2548.
4. Plianbangchang P, Jetiyanon K, Wittaya-areekul S. Pesticide use patterns among small-scale farmers: A case study from Phitsanulok, Thai¬land. Southeast Asian J Trop Med Public Health 2009;40:401-10.
5. Sapbamrer R, Nata S. Health symptoms related to pesticide exposure and agricultural tasks among rice farmers from northern Thailand. Environ Health Prev Med 2014;19:12-20.
6. He F, Wang S, Liu L, Chen S, Zhang Z, Sun J. Clinical manifestations and diagnosis of acute pyrethroid poisoning. Toxicol 1989;63:54-58.
7. Hallenbeck WH, Cunningham-Burns KM. Pesticides and human health. New York: Springer-Verlag; 1985.
8. Repetto R, Baliga SS. The experimental and wildlife evidence. In: Repetto R, Baliga SS, editors. Pesticides and the immune system: the public health risks. Washington, DC: World Resources Institute, National Center for Food and Agricultural Policy; 1996. p. 39-58.
9. Go V, Garey J, Wolff MS, Pogo BGT. Estro¬genic potential of certain pyrethroid compounds in the MCF-7 human breast carcinoma cell line. Environ Health Perspect 1999;107:173-7.
10. กรมควบคุมมลพิษ. รายงานสถานการณ์มลพิษของ ประเทศไทย ปี 2551. กรุงเทพมหานคร: รุ่งศิลป์ การพิมพ์; 2553.
11. สถาบันวิจัยข้าว. มุมการจัดการความรู้ศูนย์วิจัยข้าว พิษณุโลก [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 23 มี.ค. 2559]. แหล่งข้อมูล: http://psl.brrd.in.th/km/ index.php?option=com_content&view=arti¬cle-&id=44
12. สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพิษณุโลก. ข้อมูลพื้นฐานด้านการเกษตรจังหวัดพิษณุโลกประจําปี2553 [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 3 ก.ย. 2558]. แหล่งข้อมูล: http://chm-thai.onep.go.th/ chm/ data_province/Phitsanulok/doc/สำนักงานเกษตร และสหกรณ์จังหวัด.pdf
13. สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. โรคและภัย สุขภาพจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 12 ธ.ค. 2558]. แหล่งข้อมูล: http:// envocc.ddc.moph.go.th/uploads/situation/situ-year58/4_4_situlation56_03.pdf
14. จีรภา จำศีล. แหล่งข้อมูลปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากสารเคมีกำจัด ศัตรูพืชและสัตว์ของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง [วิทยา นิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต]. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2555. 127 หน้า.
15. วีราษฎร์ สุวรรณ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการ ป้องกันตนเองจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชของ เกษตรกรทำสวนมะลิ ตำบลศิลาอำเภอเมือง จังหวัด ขอนแก่น. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ขอนแก่น 2555;6:24-33.
16. สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือสำหรับ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข แนวทางการดำเนินงานเกษตรกร ปลอดโรค ผู้บริโภคปลอดภัย สมุนไพรล้างพิษ กายจิตผ่องใส. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2553.
17. Bloom BS. Human characteristics and school learning. New York: Mcgraw Hill Book; 1976.
18. Best JW. Research in education. 3rd ed. New Jersey: Prentice hall; 1977.
19. สุระชัย ยะเครือ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับ พฤติกรรมการป้องกันอันตรายจากการใช้สารเคมี ทางการเกษตรของเกษตรกรในอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร มหาบัณฑิต]. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์; 2550. 137 หน้า.
20. พยนต์ อินมณี. รายงานการวิจัยการศึกษาความรู้ และพฤติกรรมการใช้สารเคมีทางการเกษตรของ เกษตรกรบ้านใหม่ชัยเจริญ ตําบลสถาน อําเภอปัว จังหวัดน่าน. น่าน: สถานีอนามัยตำบลสถาน; 2550.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


