ปัญหาสุขภาพจากการทำงานในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) จังหวัดสมุทรสาคร

ผู้แต่ง

  • สร้อยสุดา เกสรทอง คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • รณภูมิ สามัคคีคารมย์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • รัชนีวรรณ คุณูปกร โรงพยาบาลสมุทรสาคร

DOI:

https://doi.org/10.14456/dcj.2017.14

คำสำคัญ:

ปัญหาสุขภาพ, ปัญหาด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน, แรงงานข้ามชาติ

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาสุขภาพของแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว)ทั้งปัญหาสุขภาพทั่วไป ปัญหาอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน การรับรู้ความเสี่ยงจากการทำงานและการเกิดโรค อุบัติเหตุ และอันตรายจากการทำงาน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ กับการรับรู้และประสบการณ์การเกิดโรค อุบัติเหตุ และอันตรายจากการทำงานของแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) ในจังหวัดสมุทรสาคร โดยรวบรวมข้อมูลการสัมภาษณ์ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) สัญชาติเมียนมาร์ ลาวและกัมพูชา จำนวน 1,014 คน ที่ทำงานประมง เกษตรกรรม ก่อสร้างและอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงคุณภาพรวบรวมจากการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยจำแนกกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) และกลุ่มบุคลากรสาธารณสุข ผลการศึกษาพบว่า แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) ส่วนใหญ่สัญชาติเมียนมาร์(ร้อยละ 95.0) กลุ่มช่วงอายุ 25-34 ปี (43.3) ทำงานอยู่ในกิจการประมง (ร้อยละ 35.7) ได้รับค่าจ้างเป็นรายสัปดาห์ (ร้อยละ41.8) และมีชั่วโมงการทำงานวันละ 8-12 ชั่วโมง (ร้อยละ 60.0) ประสบการณ์ปัญหาสุขภาพของแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) ขณะที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยพบสูงสุดคือ ปวดศีรษะ (ร้อยละ 58.4)รองลงมาคือ ปวดหลัง (ร้อยละ 40.6) และท้องเสีย (ร้อยละ 30.4) ตามลำดับ ในเรื่องของการรับรู้ความเสี่ยงจากการทำงานพบว่า ปัจจัยด้านลักษณะงานและระยะเวลาการทำงานมีความสัมพันธ์กับการรับรู้ความเสี่ยง โดยที่แรงงานในกลุ่มเกษตรกรรมจะรับรู้ความเสี่ยงสูงสุดเกี่ยวกับโรคผิวหนัง แรงงานในกลุ่มประมงจะรับรู้ความเสี่ยงสูงสุดในเรื่องของการลื่นหกล้ม และการรับรู้ในเรื่องของการบาดเจ็บจากการยกของหนัก จะพบสูงสุดในกลุ่มงานก่อสร้าง ในเรื่องของการเกิดโรค อุบัติเหตุ และอันตรายจากการทำงานจะมีความสัมพันธ์กับลักษณะงาน เพศ และระยะเวลาการทำงาน โดยพบว่า แรงงานที่อยู่ในภาคเกษตรกรรมมีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนังสูงสุดแรงงานที่อยู่ในงานก่อสร้างเกิดการบาดเจ็บจากการยกของหนักสูงสุดสำหรับการเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องจักรหนีบ/ ตัด จะเกิดในเพศชายสูงกว่าเพศหญิง แรงงานที่ทำงาน 12-18 ชั่วโมงต่อวัน ประสบอุบัติเหตุจากการลื่นล้มสูงสุดในขณะที่แรงงานที่ทำงานมากกว่า 18 ชั่วโมงต่อวัน ประสบอุบัติเหตุจากการตกจากที่สูงสูงสุด ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่า สภาพหรือสิ่งแวดล้อมการทำงานของแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) จะไม่แตกต่างกัน แต่อุปสรรคด้านภาษาสื่อสารอาจจะส่งผลให้แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าแรงงานไทย ส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน การจัดระบบบริการสุขภาพแก่แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) จะจัดให้ตามสิทธิ์ เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพ การขึ้นทะเบียนแรงงานและการตรวจสุขภาพประจำปี เป็นต้น ในเรื่องการรักษาพยาบาล ทางหน่วยงานสาธารณสุขให้บริการดูแลแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) เป็นอย่างดี แต่อาจขาดการดำเนินงานเชิงส่งเสริมป้องกัน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพให้แก่กลุ่มแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) อีกด้วยข้อเสนอแนะที่ได้จากการศึกษาในครั้งนี้คือ หน่วยงานภาครัฐและเจ้าของสถานประกอบกิจการควรร่วมมือกันดูแลสุขภาพ และความปลอดภัยในการทำงานแก่แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) โดยเน้นการดำเนินงานในเชิงป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ นอกจากนี้ สื่อที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน ควรจัดทำเป็นภาษาที่แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) สามารถเข้าใจและเข้าถึงสื่อต่าง ๆ เหล่านั้นได้ เพื่อสร้างความตระหนักด้านสุขภาพและความปลอดภัยจากการทำงานให้แก่แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว)

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. สำนักงานแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร. สถานการณ์การจ้างคนต่างด้าวสมุทรสาคร ประจำเดือนเมษายน 2559 [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 15 ธ.ค. 2559]แหล่งข้อมูล:https://samutsakhon.mol.go.th/sites/samutsakhon.mol.go.th/files/sthaankaarnkaarcchaangaerngngaantaangdaawsaychaatiphmaa_laaw_aelakamphuuchaa_pracchameduuen_emsaayn_2559.pdf

2. สุภัทร คำมุงคุณ. ความท้าทายการเปลี่ยนแปลงของแรงงานภาคการเกษตร. [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ30 พ.ค. 2560]. แหล่งข้อมูล: https://library2. parliament.go.th/ebook/content-issue/2558/hi2558-044.pdf

3. สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว. สถานการณ์แรงงานต่างด้าว: [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 15 ธ.ค. 2559].แหล่งข้อมูล: www.doe.go.th/prd/alien/statistic/param/site/152/cat/82/sub/76/pull/sub_category/view/list-label

4. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ.แรงงานข้ามชาติกับระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 11 ก.พ. 2559]. แหล่งข้อมูล: https://www.healthinfo.in.th

5. อุบล จันทร์เพชร, ธิดารัตน์ ดำรงค์สอน, มัตติกา ยงอยู่.การสำรวจสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในชุมชนต่างด้าว จังหวัดสมุทรสาคร. วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย 2559;39:52-65.

6. บุญรัตน์ รัฐบริรักษ์. ปัญหาและนโยบายด้านสังคม ต่อผู้อพยพชาวพม่า : กรณีการศึกษาและสาธารณสุข
[อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 11 ธ.ค. 2559]. แหล่ง ข้อมูล: https://www.prp.trf.or.th/trf-policy-brief/ปัญหาและนโยบายด้านสังค,/

7. ปิยะธิดา นาคะเกษียร, ฤดี ปุงบางกะดี่. การศึกษาวิถีชีวิต ปัญหา และความต้องการด้านสุขภาพของแรงงานข้ามชาติกลุ่มชาติพันธุ์มอญ ภายใต้บริบททางสังคมวัฒนธรรมของพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร.วารสารพยาบาลทหารบก 2556;14:105-15.

8. ขวัญชีวัน บัวแดง. สุขภาพของแรงงานข้ามชาติกับการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของรัฐ. วารสารสังคมศาสตร์ 2551;20:146-72.

9. Naing T, Geater A, Puagrassami P. Migrant workers’ occupation and healthcare-seeking preferences for TB-suspicious symptoms and other health problems: a survey among immigrant workers in Songkhla Province, Southern Thailand. BMC 2012;12:22.

10. Aung T, Pongpanich S, Robson MG. Health seeking behaviours among Myanmar workers in Ranong Province, Thailand. J Health Res 2009;23:5-9.

11. สมพงษ์ สระแก้ว. แนวทางการแก้ไขปัญหาสุขภาพ แรงงานต่างด้าว จังหวัดสมุทรสาคร [วิทยานิพนธ์ ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2544.

12. สมชาย นันทวัฒนากรณ์. การเข้าถึงบริการสุขภาพของแรงงานข้ามชาติในสถานีอนามัยสันพระเนตรอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ [วิทยานิพนธ์ ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัย เชียงใหม่; 2552.

13. เพ็ชราภรณ์ ชัชวาลชาญชนกิจ, พรรณรัตน์ อาภรณ์พิศาล. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าถึงบริการสุขภาพของแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า กรณีกิจการต่อเนื่องประมง จังหวัดสมุทรสาคร. สมาคมสถาบันอุดมศึกษา เอกชนแห่งประเทศไทย 2558;2:80-9.

14. Pratt DS, Marvel LH, Darrow D, Stallones L, May JJ, Jenkins PL. The dangers of dairy farming:The injury experience of 600 workers followed for two years. American Journal of Industrial Medicine 1992;21:637-50.

15. Sorensen JA, May JJ, Paap K, Purschwitz MA, Emmelin M. Encouraging farmers to retrofit tractors: a qualitative analysis of risk perceptions among a group of high-risk farmers in New York. Journal of agricultural safety and health 2008;14:105-17.

16. Rosano A, Ronda E, Benavides FG, Cacciani L, Baglio G, Spagnolo A. Work-related health problems among resident immigrant workers in Italy and Spain. Italian Journal of Public Health 2012;9:1-7.

17. Akram M. Occupational disease and public health concerns of migrant construction workers: a social epidemiological study in Western Ultar Pradesh. Social Change 2014;44:97-117.

18. Ahonen EQ, Benavides FG, Benach J. Immigrant populations, work and health a systematic literature review. Scand J Work Environ Health 2007;33:96-104.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

11-10-2018

รูปแบบการอ้างอิง

1.
เกสรทอง ส, สามัคคีคารมย์ ร, คุณูปกร ร. ปัญหาสุขภาพจากการทำงานในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) จังหวัดสมุทรสาคร. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 11 ตุลาคาม 2018 [อ้างถึง 28 ธันวาคม 2025];43(3):255-69. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/150195

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ