การประเมินความต้องการจำเป็น เพื่อพัฒนาบริการประเมินโอกาสเสี่ยงต่อการเกิด โรคหัวใจและหลอดเลือด ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง

ผู้แต่ง

  • แพรพรรณ ภูริบัญชา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น
  • บุญทนากร พรมภักดี สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น
  • สุปรียา จรทะผา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น

DOI:

https://doi.org/10.14456/dcj.2017.13

คำสำคัญ:

การประเมินความต้องการจำเป็น, โรคหัวใจและหลอดเลือด

บทคัดย่อ

การศึกษาเชิงพรรณนา (descriptive study) โดยการสำรวจความต้องการจำเป็นต่อการใช้เครื่องมือประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular disease (CVD) risk) ของบุคลากรสาธารณสุข ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น จำนวน 9 จังหวัด กลุ่มตัวอย่างจำนวน 210 ตัวอย่างโดยสุ่มแบบ multi-stage cluster random sampling ประกอบด้วย สุ่มเลือกร้อยละ 50.0 ของจังหวัดในเขตสุขภาพที่รับผิดชอบ จากนั้นสุ่มเลือกอำเภอ ร้อยละ 50.0 อำเภอในจังหวัดที่สุ่มได้ และสุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่างจากอำเภอที่สุ่มได้ ประกอบด้วย ผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จังหวัดละ 1 คน ผู้แทนจากคลินิกโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของโรงพยาบาล 1 คน ผู้แทนจาก PCU ของโรงพยาบาล 1 คน และผู้แทนจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอำเภอละ 3 รพ.สต. แห่งละ 1 คน ดำเนินการศึกษาตั้งแต่เดือนมีนาคม-ตุลาคม 2558 เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยชี้แจงวัตถุประสงค์ ทำความเข้าใจกับกลุ่มตัวอย่าง แล้วให้กลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ และคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 8-10 คน เพื่อทำการอภิปรายกลุ่มสำหรับเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีจัดอันดับความต้องการจำเป็นด้วย PNlModified และข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เนื้อหาและจัดหมวดหมู่ของข้อมูล ผลการศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 91.9 อายุเฉลี่ย 41 ปี จบการศึกษาชั้นปริญญาตรีมากที่สุด ร้อยละ 78.6 ปฏิบัติงานในตำแหน่งพยาบาล ร้อยละ 92.9 มีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มากที่สุด 24 ปี กลุ่มตัวอย่างมีประสบการณ์การใช้เครื่องมือประเมินโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization/International Society of Hypertension (WHO/ISH) risk prediction chart) มากที่สุด ร้อยละ 74.3 รองลงมาคือ การใช้เครื่องมือประเมินโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ของกรมควบคุมโรค ร้อยละ 70.0 และเครื่องมือประเมินโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ (Rama-EGAT score) พบว่า มีการใช้ ร้อยละ 44.8 ตามลำดับ จากผลการศึกษาประเมินความต้องการจำเป็นในการใช้เครื่องมือประเมินโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรคำนึงถึงความต้องการจำเป็น 4 ประเด็น ประกอบด้วย(1) การสื่อสารนโยบายการใช้เครื่องมือประเมินโอกาสเสี่ยงฯให้บุคลากรทุกระดับให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือประเมินโอกาสเสี่ยงในกลุ่มเป้าหมาย ในรูปแบบที่ง่ายและสะดวก(2) การพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือประเมินโอกาสเสี่ยงฯ ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับโรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และครอบคลุมถึงทีมสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง (3) ควรมีการพัฒนาโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม สำหรับกลุ่มที่มีภาวะเสี่ยง และ (4) รูปแบบการบริหารจัดการกลุ่มที่มีภาวะเสี่ยง ได้แก่ การจัดการฐานข้อมูล การประมวลผลข้อมูลและการคืนข้อมูล

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. World Heart Campaign. About World Heart Day2014 [Internet]. [cited 2015 Feb 8]. Availablefrom: http://www.world-heart-federation.org/what-we-do/awareness/world-heartday-2015/

2. สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. จำนวนและอัตราตาย 11 โรคไม่ติดต่อและอุบัติเหตุทางถนน ต่อประชากรแสนคน ปี 2550-2555 จำแนกตามจังหวัดในเขตบริการสาธารณสุขและจำแนกตาม สคร. 12 เขต และภาพรวมประเทศ (รวมกรุงเทพมหานคร) [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้น เมื่อ 8 ก.พ. 2558]. แหล่งข้อมูล: http://www.thaincd.com/information-statistic/non-municable-disease-data.php

3. สำนักนโยบายและแผน กระทรวงสาธารณสุข. อัตราตายด้วยโรคหัวใจขาดเลือดของประชากรในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 และ 8 ปี พ.ศ. 2550-2556 เปรียบเทียบกับภาคอีสานและประเทศไทย[อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 8 ก.พ. 2558]. แหล่งข้อมูล: http://bps.moph.go.th/new_bps/health data

4. สุวิมล ว่องวาณิช. การประเมินความต้องการจำเป็น.กรุงเทพมหานคร: คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2545.

5. Cochran W.G. Sampling Techniques. 3rd ed.New York: John Wiley and Sons Inc; 1977.

6. กัญญารัตน์ กนกพิชญไกร, ชุติมา สุขประเสริฐ,วลัยพร กำมา, ฐิติพร เมฆรุ่งเรืองวงศ์, วัชราแก้วมหานิล, โตมร ทองศรี. ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองของประชากรในเขตเทศบาลนครพิษณุโลกที่ตรวจสุขภาพประจำปี. พุทธชินราชเวชสาร 2553;27:285-90.

7. ปฤษฐพร กิ่งแก้ว, ธนัญญา คู่พิทักษ์ขจร, พัฒน์ศรี ศรีสุวรรณ, ศิตาพร ยังคง, ศรีเพ็ญ ตันติเวสส, ยศ ตีระวัฒนานนท์. การประเมินความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข 2556;7:346-60.

8. พัฒนาพร สุปินะ, กิติพงษ์ หาญเจริญ, สุคนธา ศิริ,อดิศักดิ์ มณีไสย. การทดสอบความแม่นยำของแบบประเมินความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ Rama-EGAT heart score ในผู้ป่วย acute coronarysyndrome โรงพยาบาลศิริราช. Journal of NursingScience 2009;27:77-82.

9. สุกิจ แย้มวงษ์. โรคหลอดเลือดหัวใจ ประเมินความเสี่ยงด้วยตนเอง [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 8 ก.พ.2558]แหล่งข้อมูล:http://www.doctor.or.th/article/detail/1769

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

29-09-2017

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ภูริบัญชา แ, พรมภักดี บ, จรทะผา ส. การประเมินความต้องการจำเป็น เพื่อพัฒนาบริการประเมินโอกาสเสี่ยงต่อการเกิด โรคหัวใจและหลอดเลือด ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 29 กันยายน 2017 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];43(3):244-5. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/150179

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ